Messenger

เมื่อลูกเลือดกำเดาไหล ควรทำอย่างไรดี

July 11 / 2025

เลือดกำเดาไหล

 

 

 

     เลือดกำเดาไหลเป็นสิ่งที่พบบ่อยในเด็กและเกิดขึ้นได้จากการเริ่มแคะ แกะ เกาบริเวณจมูกอย่างรุนแรง ทำให้เส้นเลือดฝอยบริเวณเยื่อบุจมูกแตกและเลือดไหล โดยเกิดมากในช่วงฤดูหนาวหรือในช่วงอากาศแห้ง

 

สาเหตุอื่นที่ทำให้เกิดเลือดกำเดาไหล

  • การได้รับอุบัติเหตุบริเวณใบหน้า ศีรษะ
  • การสั่งน้ำมูกแรง
  • ความผิดปรกติของการแข็งตัวของหลอดเลือด
  • การมีสิ่งแปลกปลอมภายในโพรงจมูก
  • การมีโรคประจำตัว เช่น โรคภูมิแพ้จมูก
  • การติดเชื้อทางเดินหายใจส่วนบน เช่น ไข้หวัด ไซนัสอักเสบ
  • การได้รับสารก่อภูมิแพ้หรือสารระคายเคือง เช่น ไรฝุ่น ละอองเกสร ควันบุหรี่
  • รอยโรคข้างในจมูก เช่น ริดสีดวงจมูก ก้อนเนื้องอกหลอดเลือด หลอดเลือดฝอยขยายตัว

 

อาการแบบไหนต้องรีบไปพบแพทย์

เลือดกำเกาไหลอาจเป็นอาการของโรคที่จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ผู้ปกครองควรทราบว่าเมื่อใดที่ลูกน้อยมีเลือดกำเดาไหลมากจนอาจอันตรายและควรพาไปพบแพทย์

 

  • เมื่อมีเลือดกำเดาไหลนานมากกว่า 30 นาที
  • ที่ผิวหนังมีรอยเลือดออก เช่น มีพรายย้ำ จ้ำเขียว หรือมีจุดแดง จุดเลือดออกตามตัว
  • เลือดออกตามไรฟัน หรือลิ้นร่วมด้วย
  • มีปัสสาวะสีน้ำล้างเนื้อ หรืออุจจาระสีดำคล้ายยางมะตอยปนเลือดร่วมด้วย
  • มีไข้สูงร่วมด้วย
  • เมื่อลูกรู้สึกเวียนศีรษะ เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย ไม่กระฉับกระเฉง หรือซีดลง

 

 

 

เลือดกำเดาไหล

 

 

 

วิธีดูแลลูกเบื้องต้นเมื่อเกิดเลือดกำเดาไหล

1. บีบปีกจมูกลูกให้แน่น

     บีบปีกจมูกของลูกให้แน่นอย่างน้อย 5 นาทีเพื่อห้ามเลือดและให้ลูกหายใจทางปาก

 

2. ก้มศีรษะเล็กน้อย

     ให้ลูกนั่งตัวเอียงไปข้างหน้า และให้ก้มศีรษะลงเล็กน้อยให้เลือดไหลออกทางจมูกแทนไหลลงคอ หากมีเลือดไหลลงคอให้บ้วนใส่ภาชนะ เพื่อประเมินจำนวนเลือดและป้องกันการอาเจียนจากการกลืนเลือดมากเกินไป

 

3. ก้มศีรษะเล็กน้อย

     กรณีเลือดหยุดไหล ควรให้ลูกนอนหนุนหมอนให้ศีรษะสูงและประคบเย็นบริเวณจมูก

 

4. หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง

     หลีกเลี่ยงการสั่งน้ำมูกแรง แคะจมูก การกระแทกบริเวณจมูกหรือการวิ่งเล่นใน 24 – 48 ชั่วโมงหลังเลือดหยุดไหล

 

 

 


หากพบว่าเลือดยังไม่หยุดไหลมากกว่า 30 นาที ให้รีบพาลูกพบกุมารแพทย์

 

 

 

วิธีป้องกันลูกไม่ให้เกิดเลือดกำเดาไหล

  • ป้องกันไม่ให้บริเวณเยื่อบุจมูกแห้ง เพื่อไม่ให้คัน ลดการแคะจมูก โดยใช้น้ำเกลือหยอดจมูก สเปรยพ่นจมูก หรือใช้ขี้ผึ้งทาบริเวณรูจมูกส่วนผนังกั้น
  • หลีกเลี่ยงสิ่งที่ก่ออาการแพ้พร้อมสวมหน้ากากป้องกันอีกชั้น
  • ปรับอากาศในห้องนอน ไม่ให้แห้งเกินไป เช่น ใช้เครื่องทำความชื้นเพื่อเพิ่มความชื้นในอากาศ

 

 


เลือดกำเดาไหลเกิดกับเด็กบ่อย แต่มักไม่รุนแรง โดยเลือดมักหยุดภายใน 5-10 นาที หลังบีบจมูกลูก ดังนั้นควรดูแลลูกอย่างใกล้ชิด มีเลือดกำเดาไหลมาก อาจอันตรายและควรพบแพทย์

 

 

 

แหล่งอ้างอิง

ธันยธร ธีรนรเศรษฐ. (ม.ป.ป). เลือดกำเดาไหล. สืบค้นเมื่อ 13 พฤษภาคม 2568,

     จาก https://tmc.or.th/pdf/tmc_knowlege-167.pdf 

Joseph Haddad Jr and Sonam N. Dodhia Epistaxis. Nelson's Textbook of Pediatrics, 20th Edition,

     ELSEVIER, Inc., New York

David E. Tunkel (2020). Clinical Practice Guideline: Nosebleed (Epistaxis).  Otolaryngology Head Neck

     Surgery. Vol. 162 (IS) S1-S38