Messenger

ปวดท้องตรงจุดไหน อาจบอกได้หลายโรค

August 11 / 2025

ปวดท้อง

 

 

 

     อาการปวดท้องไม่ใช่เรื่องที่มองข้ามได้ เพราะอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกถึงความผิดปรกติของอวัยวะภัยในที่สำคัญ หมอจึงอยากให้ผู้อ่านรู้เท่าทันและเข้าใจอาการปวดท้องแต่ละตำแหน่งในเชิงลึกยิ่งขึ้น

 

ปวดจุดไหน บอกโรคใดบ้าง

1.  ปวดใต้ลิ้นปี่

บริเวณนี้สัมพันธ์กับกระเพาะอาหาร ตับอ่อน และตับ

 

  • โรคกระเพาะอาหาร อาหารไม่ย่อย ปวดร่วมกับอืด จุกเสียด มีลมในท้องหลังมื้ออาหารทันที
  • กระเพาะอาหารอักเสบ คล้ายกับโรคกระเพาะอาหาร หากมีเลือดออกจะถ่ายอุจจาระดำหรืออาเจียนเป็นสีดำแดงได้
  • กรดไหลย้อน รู้สึกแสบร้อน แน่น หลังอาหาร 2 - 3 ชั่วโมง หรือนอนราบเลยหลังทานเสร็จ
  • ตับอ่อนอักเสบ หากปวดรุนแรงร่วมกับคลื่นไส้และอาเจียน ควรสงสัยภาวะซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจวินิจฉัยโดยเร็ว

 

2.  ปวดชายโครงซ้าย

     บนซ้ายหรือ ‘ชายโครงซ้าย’ เป็นตำแหน่งของกระเพาะอาหาร ม้ามและตับอ่อน การปวดบริเวณนี้อาจบ่งชี้ถึงอาการปวดกระเพาะอาหารและภาวะอันตรายอื่น เช่น ม้ามแตก 

 

3.  ปวดชายโครงขวา

     ‘ชายโครงขวา’ เป็นที่ตั้งของตับและถุงน้ำดี หากท่านมีอาการจุก แน่น ปวดบิด ปวดเกร็งเป็นพัก ๆ ร่วมกับภาวะตาเหลือง ตัวเหลืองและปัสสาวะเข้ม ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจหาโรค เนื่องจากอาจเป็นสัญญาณของนิ่วในถุงน้ำดีหรือก้อนในตับ

 

 

ปวดท้อง

 

 

4.  ปวดรอบสะดือ

     อาการปวดบริเวณรอบสะดือมักเกี่ยวข้องกับลำไส้เล็ก หากปวดแบบมีลมในท้อง อาจเป็นอาการของ ท้องเดิน ทั่วไป แต่ถ้าปวดรุนแรงจนทนไม่ไหว สิ่งนั้นอาจบ่งบอกถึงภาวะลำไส้อักเสบหรือลำไส้อุดตัน (หากมีอาการอาเจียนร่วมด้วย)

 

5.  ปวดบั้นเอวขวาและซ้าย

อาการปวดบริเวณบั้นเอวด้านหลัง ทั้งซ้ายและขวาสัมพันธ์กับท่อไต ไตและลำไส้ใหญ่

 

  • นิ่วในไต ติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ แสบขณะปัสสาวะ มีไข้ รู้สึกเจ็บมากเมื่อเคาะเบา ๆ ที่หลังเอว
  • ลำไส้อุดตัน ปวดบิด เกร็งเป็นพัก ร่วมกับอาการคลื่นไส้ อาเจียน และหน้าท้องขยาย

 

6.  ปวดเหนือหัวหน่าว

     บริเวณนี้เกี่ยวข้องกับกระเพาะปัสสาวะและมดลูก หากมีอาการปวดขณะปัสสาวะ ปัสสาวะกะปริบกะปรอย อาจเป็น กระเพาะปัสสาวะอักเสบ หรือ นิ่วในกระเพาะปัสสาวะ สำหรับสุภาพสตรี หากปวดเกร็งช่วงมีประจำเดือน ปวดเรื้อรัง หรือคลำพบก้อน ควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทาง เพื่อวินิจฉัยภาวะ มดลูกอักเสบ หรือ เนื้องอกมดลูก

 

7.  ปวดท้องน้อยซ้าย

     เกี่ยวข้องกับท่อไตและปีกมดลูกด้านซ้าย หากปวดเกร็งและร้าวลงต้นขา ก็อาจเป็นสัญญาณของ นิ่วในท่อไต หรือหากมีไข้ หนาวสั่น และตกขาวร่วมด้วย ควรสงสัยภาวะปีกมดลูกอักเสบ

 

8.  ปวดท้องน้อยขวา

อาการปวดชนิดนี้เกิดในตำแหน่งสำคัญที่เกี่ยวข้องกับไส้ติ่ง ท่อไต และปีกมดลูกด้านขวา ถ้าไม่เคยเป็นมาก่อนให้สงสัยว่าเป็นไส้ติ่งอักเสบไว้ก่อนจนกว่าจะวินิจฉัยแยกโรคได้

 

  • ไส้ติ่งอักเสบ ปวดเสียด กดท้องแล้วเจ็บ ปวดตลอดเวลามากขึ้นเรื่อย ๆ 
  • ความผิดปรกติของกรวยไต หากปวดเกร็งเป็นระยะและร้าวลงต้นขา
  • ปีกมดลูกอักเสบ ปวดเกร็งและมีไข้ร่วม
  • ก้อนไส้ติ่งหรือความผิดปรกติของรังไข่ หากคลำพบก้อนเนื้อ ควรได้รับการตรวจเพิ่มเติม

 

เมื่อไหร่ที่อาการปวดท้องบอกว่าต้องพบแพทย์ทันที

เราขอแนะนำให้ท่านรีบมาพบแพทย์โดยเร็ว หากมีอาการปวดท้องร่วมกับอาการเหล่านี้:

 

  • ปวดนานกว่า 6 ชั่วโมง และอาการทวีความรุนแรงขึ้น
  • ปวดจนไม่สามารถรับประทานอาหารได้
  • ปวดท้องและอาเจียนอย่างมาก มากกว่า 3-4 ครั้ง
  • ปวดท้องมากขึ้นเมื่อขยับตัว
  • ปวดบริเวณท้องน้อยด้านขวา (โดยเฉพาะ)
  • ปวดท้องรุนแรงจนนอนไม่หลับ
  • ปวดร่วมกับมีเลือดออกจากช่องคลอด
  • ปวดท้องและมีไข้ร่วมด้วย
  • ปวดท้องร่วมกับมีเลือดออกจากทางเดินอาหาร เช่น อาเจียนเป็นเลือด อาเจียนสีดำ ถ่ายเป็นเลือดหรือถ่ายอุจจาระสีดำ

 

เพราะเราห่วงใยและใส่ใจสุขภาพของคุณ

     ศูนย์โรคทางเดินอาหาร โรงพยาบาลรามคำแหงพร้อมใส่ใจสุขภาพของทุกท่าน เพื่อให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข โปรดอย่าลังเลที่จะเข้ามาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเรา เพื่อการวินิจฉัยที่แม่นยำและการรักษาที่ทันท่วงที