Messenger

เด็กดื้อและต่อต้าน ทำความเข้าใจเหตุผลที่อยู่เบื้องหลัง

July 12 / 2025

เด็กดื้อ

 

 

 

     การที่เด็กมีพฤติกรรมดื้อหรือต่อต้าน​ล้วนมีเหตุผลอยู่ในตัว ทั้งในแง่มุมพัฒนาการ สภาพแวดล้อมที่ไม่พอเหมาะ ความคิด ความต้องการของเด็ก ความต้องการของผู้ใหญ่  และสิ่งผิดปรกติที่เกิดกับร่างกายของเด็กล้วนเป็นเบื้องหลังของภาวะดื้อ เมื่อไม่ลงรอยกันจึงเกิดการต่อต้าน เราควรสื่อสารกับลูกแบบไหนถึงได้ผล

 

เด็กดื้อเกิดจากสาเหตุอะไรบ้าง

  • ปัจจัยด้านวัย เด็กแต่ละวัยมีธรรมชาติที่ต่างกัน บางวัยชอบการสำรวจ เมื่อคุ้นชินและเติบโตจึงเริ่มมีความคิดและความต้องการเป็นของตัวเองมากขึ้น เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นจึงมีเรื่องฮอร์โมนเพศกับอารมณ์เข้ามาร่วมด้วย
  • ปัจจัยด้านพัฒนาการ เด็กบางคนอาจมีพัฒนาการล่าช้าด้านกล้ามเนื้อ​ ส่วนเด็กบางคนมีพัฒนาการล้าช้าด้านการพูดและการเข้าสังคม​ ​ซึ่งทำให้เด็กอาจมีปัญหาด้านพฤติกรรม​ เนื่องจากไม่สามารถสื่อสารความต้องการได้ รวมทั้งเด็กที่มีปัญหาสมาธิสั้น​หรือเด็กที่มีปัญหาด้านการเรียน​ ก็อาจแสดงออกในลักษณะดื้อหรือต่อต้านผู้ปกครอง
  • ปัจจัยทางจิตใจ เช่น โรควิตกกังวล ภาวะเครียด​ ​ภาวะต่อต้านสังคม
  • ปัจจัยด้านสิ่งแวดล้อม การสื่อสารระหว่างผู้ปกครองหรือพ่อแม่และเด็กที่ไม่เหมาะสม​ ความขัดแย้งและความรุนแรงในครอบครัว การไม่ได้รับเอาใจใส่ การได้รับการเลี้ยงดูแบบตามใจหรือการเลี้ยงดูที่ไม่มีกฎกติกา​ เป็นตัวอย่างปัจจัยส่งเสริมให้เด็กขาดการเรียนรู้และเลียนแบบพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสมได้

 

เมื่อลูกดื้อควรทำอย่างไร

การเลี้ยงดูเด็กให้เติบโตขึ้นมาเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ​เหมือนการหว่านเมล็ด​ทางความคิด​เพราะความคิดจะเติบโตขึ้นพร้อมๆ กับการเติบโตทางร่างกาย

 

1. I & You Message

     เพราะดวงตาคือหน้าต่างของดวงใจ หากอยากดึงความสนใจจากลูก เราควรเริ่มต้นที่การมอง ณ จุดนี้จะเหลือแค่เราและลูกที่อยู่ในวงความสนใจ หลังจากนั้นให้บอกความรู้สึกของเราและตามด้วยความต้องการของเราอย่างกระชับและจริงใจ

 

 

 


เริ่มได้ด้วยการบอกสิ่งที่พ่อแม่หรือผู้ปกครองอยากให้เด็กทำ​ บอกความรู้สึกของเรา​ แทนการตำหนิการกระทำของลูก

 

 

 

เด็กดื้อ

 

 

 

2.  ดึงความสนใจจากเด็ก

     เด็กบางคนอาจติดพันกับเกม หรือกิจกรรมสนุกบางอย่าง แต่ไม่ว่าอย่างไร เด็กก็มีช่วงเวลาที่เหนื่อย การใช้อาหารและพักเบรก​ ชวนลูกคุยในสิ่งที่ลูกสนใจช่วยดึงความสนใจจากเด็กได้ สิ่งนี้ยังเปิดโอกาสให้เราได้คุยกับลูกในช่วงที่เขายังผ่อนคลาย อย่างไรก็ตาม เราควรให้เวลากับเขาได้อยู่กับตัวเองเพื่อปรับอารมณ์ให้พร้อม

 

3.  กำหนดเงื่อนไขบางอย่างร่วมกัน 

     ผู้ปกครองควรกำหนดกติกาที่ชัดเจนและเข้าใจง่ายตามช่วงวัย​ เช่น​ กำหนดเวลาทำการบ้าน​ กำหนดเวลาเล่นสนุก​หรือกำหนดกติกาเมื่อต้องอยู่ร่วมกับผู้อื่น เพื่อให้เด็กได้เข้าใจขอบเขตและสามารถอยู่ร่วมกับผู้อื่นในสังคมได้อย่างมีความสุข​

 

4.  ลดความคาดหวัง

     ปรับความคาดหวังให้เบาบางลงและผลักดันในสิ่งที่ลูกถนัด โดยเริ่มจากการตั้งเป้าหมายใหม่ที่ไม่ยากเกินไปให้สำหรับลูก หลังจากนั้นจึงให้ลูกค่อย ๆ ขยายเป้าหมายให้สูงขึ้น เพราะทำให้เราได้เห็นข้อจำกัดและการเติบโตตลอดระยะทาง​ รวมทั้งให้กำลังใจและพูดชื่นชมในสิ่งที่ลูกทำได้ดี​ เพื่อช่วยให้ลูกได้เห็นจุดแข็งของตัวเอง