Messenger

รู้ก่อนใช้! ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน ทานอย่างไรให้ปลอดภัย

September 10 / 2025

ยาคุมฉุกเฉิน

 

 

พญ.ศรีสุภา  เลาห์ภากรณ์

สูติ-นรีเวช

 

     ยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน (emergency contraceptive pills, morning-after pills) เป็นยาเม็ดฮอร์โมนขนาดสูงที่รับประทานหลังจากมีเพศสัมพันธ์เพื่อลดโอกาสที่จะตั้งครรภ์ การคุมกำเนิดวิธีนี้จะให้ประสิทธิภาพภายใน 2 – 3 วัน โดยจะไปรบกวนการตกไข่ หรือรบกวนการปฏิสนธิของไข่กับอสุจิแต่หากได้รับการปฏิสนธิเป็นตัวอ่อนแล้ว จะไม่สามารถป้องกันได้

 

ข้อบ่งชี้ในการใช้ยาเม็ดคุมกำเนิดฉุกเฉิน

  • หลังจากที่มีเพศสัมพันธ์โดยไม่ได้ป้องกัน
  • กรณีเกิดการล่วงละเมิดทางเพศ (Sexual assault)
  • มีการใช้การคุมกำเนิดที่ไม่ถูกต้อง มีโอกาสล้มเหลว เช่น ถุงยางแตก หลุด หรือใส่ไม่ถูกต้อง
  • ลืมทานยาคุมกำเนิด
    • ชนิดฮอร์โมนรวมตั้งแต่ 3 เม็ด
    • ชนิดฮอร์โมนโปรเจสตินชนิดเดี่ยวลืมทานเกินเวลา 3 ชั่วโมง จากเวลาเดิมที่ทานประจำ หรือเกิน 27 ชม.จากเม็ด
    • ชนิด desogestrel-containing pill (0.75 mg) มากกว่า 12 ชั่วโมง จากเวลาทานปกติ หรือเกิน 36 ชม.จากเม็ดที่ทานก่อน
  • เลยกำหนดฉีดยาคุม
  • มากกว่า 2 อาทิตย์ ชนิด norethisterone enanthate (NET-EN)
  • มากกว่า 4 อาทิตย์ ชนิด depot-medroxyprogesterone acetate (DMPA)
  • มากกว่า 7 วัน ชนิด combined injectable contraceptive (CIC)
  • diaphragm or cervical cap หลุด ขาด หรือแตก ก่อนเอาออก
  • ล้มเหลวในวิธีการหลั่งข้างนอก เช่นหลั่งในช่องคลอด หรืออวัยวะเพศด้านนอก
  • คำนวณวันเว้นมีเพศสัมพันธ์พลาด
  • ห่วงคุมกำเนิดหลุด หรือยาฝังหลุด

 

 

 

ยาคุมกำเนิด

 

 

ข้อควรรู้ก่อนกินยาคุมฉุกเฉิน

  • ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อได้ ยาชนิดนี้มีประโยชน์เพียงป้องกันการตั้งครรภ์เท่านั้น ไม่สามารถป้องกันโรคจากเพศสัมพันธ์ได้ หากต้องการป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ ควรใช้วิธีสวมถุงยางอนามัยจะดีที่สุด
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่ใช่ยาทำแท้ง ยาคุมฉุกเฉินสามารถป้องกันการตั้งครรภ์ได้เท่านั้น กล่าวคือต้องได้รับยาก่อนมีการฝังตัวของไข่ที่เยื่อบุโพรงมดลูก หากไข่ที่ผสมกับอสุจิได้ฝังตัวที่ผนังมดลูกแล้ว ยานี้จะทำอะไรไม่ได้
  • ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินมีผลข้างเคียงสูงมาก โดยส่งผลต่อสภาพแวดล้อมของเยื่อบุโพรงมดลูก ทำให้มีผลต่อฮอร์โมนและเกิดความผิดปกติต่อตัวผู้ใช้ เช่น มีประจำเดือนผิดปกติ คลื่นไส้อาเจียน และหากกินบ่อย ๆ อาจเสี่ยงต่อการท้องนอกมดลูกได้
  • ไม่ถูกต้องที่ว่ายาคุมฉุกเฉินอาจทำให้ทารกพิการได้หากรับประทานไปโดยไม่ทราบว่าตั้งครรภ์ ทั้งนี้มีรายงานว่าไม่พบทารกพิการจากมารดาที่รับประทานยาโดยที่ไม่ทราบว่าตนเองกำลังตั้งครรภ์
  • การรับประทานยาเม็ดแรกภายใน 72 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ ดังกล่าวตามด้วยยาเม็ดที่สอง จะให้ประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์ได้ 75% หากเริ่มยาภายใน 24 ชั่วโมงหลังมีเพศสัมพันธ์ จะให้ประสิทธิภาพป้องกันการตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นเป็น 85% ดังนั้นจึงควรรับประทานยาเม็ดแรกหลังการมีเพศสัมพันธ์ให้เร็วที่สุด
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่สามารถคุมกำเนิดระยะยาวได้ หากสามีภรรยาที่ยังไม่พร้อมมีบุตรแต่ต้องการคุมกำเนิดในระยะยาว มีวิธีคุมกำเนิดที่เหมาะสมและมีประสิทธิภาพมากกว่า เช่น การรับประทานยาคุมกำเนิดแบบปกติชนิดเม็ด โดยรับประทานทุกวัน วันละ 1 เม็ด นอกจากนี้การรับประทานยาคุมฉุกเฉินเป็นประจำจะพบอาการข้างเคียงสูง เช่น ปวดศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน เลือดออกกะปริดกะปรอย รวมทั้งพบความเสี่ยงในการเกิดอุบัติการณ์การตั้งครรภ์นอกมดลูกเพิ่มขึ้น
  • ยาคุมฉุกเฉินไม่เป็นอันตรายต่อการตั้งครรภ์ครั้งใหม่ และไม่มีผลทำให้การตั้งครรภ์ครั้งถัดไปช้าลง
  • ถ้ามีอาเจียนภายใน 2 ชั่วโมง ควรทานยาซ้ำ ยาคุมฉุกเฉินชนิดฮอร์โมนเดี่ยวชนิดโปรเจสตินนิยมมากกว่าชนิดฮอร์โมนรวม เนื่องจากมีคลื่นไส้อาเจียนน้อยกว่า ยังไม่แนะนำให้ทานยาแก้อาเจียนทุกครั้งที่ทานยาคุมฉุกเฉิน

 

วิธีคุมกำเนิดฉุกเฉิน

1.   Ulipristal acetate (UPA)

     ทาน 1 เม็ดครั้งเดียว (30 mg) มีประสิทธิภาพในการคุมกำเนิดฉุกเฉินสูงกว่า Levonorgestrel ถึงแม้จะรับประทานยาล่าช้าออกไปจนถึง 120 ชั่วโมง หลังการมีเพศสัมพันธ์ นอกจากนี้ UPA ยังสามารถต้านการฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้วได้โดยออกฤทธิ์รบกวนการเตรียมความพร้อมของเยื่อบุมดลูก ในขณะที่ levonorgestrel ไม่มีผลดังกล่าว ยังไม่มีจำหน่ายในประเทศไทย

 

2.  ยาเม็ดฮอร์โมนเดียวโพรเจสโตเจน (0.75 mg)

     2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง เม็ดแรกทันทีหรือไม่เกิน 72 ชั่วโมง ยี่ห้อที่มีขายในประเทศไทย เช่น Madonna, Postinor, Mary Pink หรือรับประทาน  levonorgestrel 1.5 mg ครั้งเดียวมีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์และอาการข้างเคียงไม่แตกต่างกัน

 

3.  ยาเม็ดคุมกำเนิดชนิดฮอร์โมนรวม (100 μg of ethinyl estradiol + 0.50 mg of LNG)

     2 เม็ด ทานห่างกัน 12 ชั่วโมง (Yuzpe method) เช่น ใช้ยาคุมกำเนิดยี่ห้อ Yasmin ที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจน 30 ไมโครกรัม ต่อ 1 เม็ด เพราะฉะนั้นให้กินครั้งละ 4 เม็ด อีก 12 ชั่วโมง 
 

4.  การใส่ห่วงคุมกำเนิดทองแดงไม่เกิน 5 วัน หลังมีเพศสัมพันธ์

     วันหลังการร่วมเพศซึ่งช่วยการตั้งครรภ์ได้ร้อยละ 99 มีการศึกษาเปรียบเทียบประสิทธิภาพของการป้องกันการตั้งครรภ์ของการทานฮอร์โมนlevonorgestrel 0.75 mg (LNG) กับวิธี Yuzpe โดยให้รับประทาน 2 ครั้ง ห่างกัน 12 ชั่วโมง เช่นกัน พบว่ายาคุมกำเนิดฉุกเฉินที่มีตัวยา LNG เดี่ยวๆ มีประสิทธิภาพในการป้องกันการตั้งครรภ์ร้อยละ 85 (74 – 93) ในขณะที่ยาคุมกำเนิดที่มีตัวยาผสมระหว่าง estrogen กับ progestin (Yuzpe method) ป้องกันได้เพียงร้อยละ 57 (39 – 71)

 

ข้อจำกัดของยาคุมกำเนิดฉุกเฉิน

ดังนั้นการใช้ฮอร์โมน LNG จึงเป็นที่นิยมมากในปัจจุบัน แต่มีการศึกษาพบว่าน้ำหนักและค่า body mass index (BMI) มีผลต่อประสิทธิภาพยาคุมกำเนิดฉุกเฉินชนิด LNG เดี่ยว ๆ โดย

 

  • หญิงที่มีน้ำหนักมากกว่า 75 กิโลกรัม เสี่ยงที่การคุมกำเนิดฉุกเฉินล้มเหลวสูงกว่าคนที่น้ำหนักน้อยกว่าประมาณ 4.5 เท่า
  • หญิงที่มีค่า BMI มากกว่า 25 กิโลกรัมต่อตารางเมตร มีโอกาสตั้งครรภ์เพิ่มขึ้นประมาณ 2 เท่า ดังนั้นน้ำหนักตัวที่มากนั้นส่งผลต่อประสิทธิภาพการคุมกำเนิด จึงควรรีบรับประทานให้เร็วที่สุดหลังมีเพศสัมพันธ์

 

ผลข้างเคียงของยาคุมฉุกเฉิน

  • ประจำเดือนมาไม่ปกติ
  • คลื่นไส้ อาเจียน และรู้สึกพะอืดพะอม
  • ปวดศีรษะ
  • ปวดท้อง มีอาการปวดท้องคล้ายกับตอนมีประจำเดือนได้
  • เสี่ยงตั้งครรภ์นอกมดลูก

 

ยาคุมกำเนิดยาคุมกำเนิด

 

 

ผู้ที่ห้ามใช้ยาคุมกำเนิด

  • มะเร็งของอวัยวะภายในของผู้หญิง และมะเร็งเต้านม
  • โรคตับเฉียบพลันหรือตับแข็งหรือมะเร็งตับ
  • เคยหรือเป็นโรคหัวใจและหลอดเลือด
  • ความดันโลหิตสูง
  • โรคลิ่มเลือดอุดตัน
  • ผู้ที่เป็นโรคลมชัก โดยรับประทานยากันชัก 
  • โรคเบาหวาน ที่มีภาวะไตทำงานผิดปรกติ หรือมีภาวะหลอดเลือดผิดปรกติ
  • อายุมากกว่า 35 ปีสูบบุหรี่จัด อ้วน มีไขมันในเลือดสูง
  • เป็นไมเกรนชนิดที่มีอาการเตือน (Migraine with aura)

 

 

สรุป

แม้ยาคุมฉุกเฉินจะมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ โดยเฉพาะถ้าทานเม็ดแรกทันทีหลังมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ แม้ว่ายาจะปลอดภัยก็ตาม ด้วยปัจจัยที่ว่า

 

  • ขนาดของฮอร์โมนที่สูง
  • ผลข้างเคียงของยา
  • ความผิดปกติของรอบเดือนที่เกิดขึ้น
  • อาการปวดเกร็งช่องท้องน้อย
  • ความไม่สามารถป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ได้

 

 

ดังนั้นควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น และหลังการใช้หากประจำเดือนมาไม่ปกติ ขาดประจำเดือน เลือดออกไม่หยุด หรือปวดท้องไม่ดีขึ้น ควรรีบมาพบแพทย์ ยาคุมฉุกเฉินมีประสิทธิภาพดีในการป้องกันการตั้งครรภ์ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ยาคุมกำเนิดฉุกเฉินแทนการคุมกำเนิดปกติ ควรเลือกใช้ในกรณีที่จำเป็นเท่านั้น

 

แก้ไขล่าสุด 29/07/63