อยากเริ่มวิ่ง...เตรียมตัวอย่างไรดี?

January 30 / 2024

 

อยากเริ่มวิ่ง...เตรียมตัวอย่างไรดี?

 

 

 

 

ปัจจุบันการวิ่งออกกำลังกายได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก หลายคนหันมาออกกำลังกายด้วยการวิ่งหรือเข้าร่วมงานวิ่งมาราธอนกันเพิ่มมากขึ้น แต่ในขณะเดียวกันสุขภาพที่ไม่พร้อมก่อนการวิ่งก็เป็นปัจจัยหลักสำคัญที่อาจทำให้หัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน เกิดอาการหมดสติและเสียชีวิตขณะวิ่งได้เช่นกัน

 

 

ดังนั้นไม่ว่าจะเป็นการวิ่งในกิจกรรมใด ระยะทางเท่าใด สิ่งสำคัญที่ต้องทำคือการประเมินศักยภาพร่างกายของตัวเองและเตรียมตัวให้พร้อมก่อนวิ่งทุกครั้ง แนะนำควรปรึกษาแพทย์ตรวจร่างกายเพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีโรคหรือสาเหตุที่อาจเป็นอุปสรรคต่อการวิ่ง เช่น โรคเกี่ยวกับกระดูกและข้อ ความดันโลหิตสูงโรคหัวใจโดยเฉพาะหัวใจขาดเลือด หัวใจเต้นผิดจังหวะ และโรคกล้ามเนื้อหัวใจโต

 

 

** สำหรับผู้ที่เพิ่งเริ่มต้นวิ่ง ควรตั้งเป้าหมายที่เป็นไปได้ของตัวเองและค่อยเป็นค่อยไป ไม่ควรหักโหมมากนัก กรณีที่ไม่ได้ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ อาจเริ่มต้นด้วยการเดินหรือเดินสลับวิ่งประมาณ 30 นาทีต่อครั้ง สัปดาห์ละ 3-5 วัน เมื่อทำได้อย่างต่อเนื่องก็อาจเริ่มตั้งเป้าหมายที่ Fun Run หรือ 5K ก่อน โดยส่วนใหญ่มักใช้เวลาเตรียมตัวประมาณ 2-3 เดือน โดยหลักการคือค่อยๆ เพิ่มระยะเวลาวิ่งและระยะทางทีละน้อย

 

 

ข้อควรรู้และปฏิบัติก่อนลงวิ่ง

 

  • เลือกรายการวิ่งที่มีมาตรฐานในการจัดงาน มีการวางแผนอย่างรอบคอบและเป็นระบบ ทั้งระยะทางที่แม่นยำ สภาพของเส้นทาง สิ่งอำนวยความสะดวก และความปลอดภัย เช่น มีจุดปฐมพยาบาลพร้อมด้วยบุคลากรทางการแพทย์และอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่จำเป็นและเข้าถึงได้ง่าย
  • เลือกรองเท้าสำหรับวิ่งโดยเฉพาะให้เหมาะกับรูปเท้า ฝ่าเท้า และสามารถรองรับแรงกระแทกได้ดี
  • งดดื่มแอลกอฮอล์อย่างน้อย 24 ชั่วโมงก่อนการวิ่ง
  • อบอุ่นร่างกายและยืดเหยียดกล้ามเนื้อก่อนการวิ่งทุกครั้ง
  • ทานอาหารล่วงหน้า 1-2 ชั่วโมงก่อนวิ่ง
  • ดื่มน้ำให้เพียงพอป้องกันการขาดน้ำ โดยทั่วไปควรดื่มแค่พอให้หายหิวน้ำ อาจดื่มเป็นน้ำสลับกับน้ำเกลือแร่ ทุก 15-20 นาทีในระหว่างวิ่ง
  • หากอยากลงแข่งมาราธอน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำในการออกกำลังกาย การทานอาหาร เพื่อความปลอดภัยและวิ่งได้มีประสิทธิภาพสูงสุด
  • เข้ารับการตรวจสุขภาพสม่ำเสมอแม้จะเป็นนักวิ่งที่มีประสบการณ์แล้ว เพราะการวิ่งอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานานมีผลทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงของกล้ามเนื้อหัวใจ ซึ่งอาจเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจบางประเภทได้

 

 

 

หากมีอาการผิดปกติขณะวิ่ง เช่น เจ็บ จุกแน่นหน้าอกหรือลิ้นปี่ เวียนหัวหน้ามืดจะเป็นลม ให้หยุดวิ่งและรีบบอกเพื่อน หรือเจ้าหน้าที่สนาม ให้นำส่งโรงพยาบาล ไม่ควรนั่งพักรอให้อาการดีขึ้น เพราะอาจเป็นอันตรายถึงชีวิต

         

 

แก้ไข

05/01/2566