Messenger

โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE) เมื่อภูมิคุ้มกันหันเข้าทำร้ายตัวเรา

July 02 / 2025

แพ้ภูมิตัวเอง

 

 

 

 

     ภูมิคุ้มกันมีบทบาทสำคัญคอยตรวจสอบและทำลายสิ่งแปลกปลอม เมื่อได้รับฝุ่นหรือสิ่งที่แพ้ก็กลายเป็นภูมิแพ้ แต่หากภูมิคุ้มกันที่เปรียบเสมือนทหารคุ้มกันกาย กลับย้อนเข้าทำลายตัวเราเอง เราจะทำอย่างไร หมอจึงอยากพารู้จักโรคแพ้ภูมิตัวเองซึ่งครั้งหนึ่งถูกเรียกว่า ‘โรคพุ่มพวง’ ให้มากขึ้น

 

โรคแพ้ภูมิตัวเอง

     โรคแพ้ภูมิตัวเอง (SLE : Systemic Lupus Erythematosus) หรือ ‘โรคลูปัส’ เป็นภาวะที่ภูมิคุ้มกันหันเข้ามาทำลายเนื้อเยื่อในร่างกายจนอักเสบ เนื่องจากสูญเสียความสามารถในการแยกแยะเซลล์ดีในร่างกายออกจากสิ่งแปลกปลอม โดยพบในผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย

 

ปัจจัยก่อโรค

พันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมยังเป็นปัจจัยคู่ขนานที่ส่งผลถึงกันและกัน ยีนส์บางชนิดที่ก่อความเสี่ยงอาจเป็นตัวตั้งต้น สมดุลฮอร์โมนเพศ ยาบางชนิด แสงแดดอาจเป็นตัวเร่งให้เกิดอาการ 

 

อาการที่อาจเข้าข่ายโรคแพ้ภูมิตัวเอง

ผิวหนัง ข้อ หัวใจ ไต สมองและปอดเป็นอวัยวะที่รับผลกระทบของโรคและแสดงอาการบ่อย ตามแต่อวัยวะที่เกิดอาการ ดังนี้

 

1. หากเกิดกับผิวหนัง

  • ผื่นขึ้นที่ใบหน้าและกระจายเป็นรูปผีเสื้อ
  • ผิวหนังแดงอย่างรุนแรงเมื่อโดนแดด
  • พบผื่นดิสคอยด์คล้ายรอยไหม้ตามใบหู
  • พบแผลในปาก

 

2. หากเกิดกับข้อ

  • ปวดอักเสบ โดยมักเกิดกับข้อนิ้วมือ ข้อมือ ข้อไหล่หรือข้อเข่า 
  • มีอาการบวมร้อนร่วม

 

 

 

แพ้ภูมิตัวเอง

 

 

3. หากเกิดเลือด

  • มีอาการซีด เหนื่อยเพลียจากภาวะเกล็ดเลือดขาวหรือแดงต่ำ
  • มีจุดเลือดออกตามตัว

 

4. หากเกิดไต

  • เกิดอาการบวมตามหน้าและตัว
  • ไตอักเสบ ปัสสาวะออกน้อยลง

 

5. หากเกิดสมอง

  • พฤติกรรมเปลี่ยนแปลงไป
  • อาจเกิดอาการทางประสาทอื่น เช่น อาการชัก


 


บางรายอาจพบภาวะเยื่อหุ้มปอด หัวใจหรือสมองอักเสบจากความรุนแรงของโรค


 

การวินิจฉัยและรักษา

     แพทย์เริ่มถามประวัติและตรวจร่างกาย โดยเริ่มจากการตรวจเลือดเพื่อดูแอนตินิวเคลียร์แอนติบอดี แอนติบอดีต่อดีเอ็นเอและการตรวจเอกซเรย์ปอดและหัวใจเพื่อใช้วินิจฉัยโรคร่วมกับแพทย์จากหลายสาขา หลังจากนั้นจึงวางแผนการรักษาเพื่อทุเลาอาการที่เกิดขึ้น เช่น ยากดภูมิคุ้มกัน ยากลุ่มสเตียรอยด์

 

หลักการดูแลตัวเอง

การรักษาควรทำควบคู่กับการดูแลสุขภาพ เพื่อลดทอนความรุนแรงและป้องกันสิ่งกระตุ้นให้เกิดโรค

 

  • ใช้ยาตามคำแนะนำของแพทย์
  • ออกกำลังกายแต่พอดีและทำอย่างสม่ำเสมอ
  • ทานอาหารที่สุกสะอาดและครบหมู่ในสัดส่วนที่พอเหมาะ
  • สวมใส่เสื้อผ้าแขนขายาว สวมหมวกและแว่นกันแดดทุกครั้ง
  • ทาครีมกันแดดเสริมป้องกันอีกชั้นหนึ่ง
  • คลายความเครียด ใช้ชีวิตด้วยความหวัง
  • กรณีวางแผนมีบุตร ควรเว้นระยะให้โรคสงบก่อนตั้งครรภ์