ปวดหัวบ่อยจนเรื้อรัง..ให้ระวัง! “เนื้องอกในสมอง”
ปวดหัวเรื้อรังเป็นอาการที่เมื่อเป็นแล้วโปรดระวังไว้ก่อน เพราะสิ่งนั้นอาจเป็นสัญญาณของเนื้องอกในสมอง ซึ่งเกิดขึ้นจากหลายสาเหตุ เช่น เครียด พักผ่อนน้อย ค่าสายตาเปลี่ยน ไซนัสอักเสบ หรือแม้แต่อาการเกร็งของกล้ามเนื้อต้นคอและไหล่ พบได้มากในวัยทำงาน แม้อาการปวดหัวส่วนใหญ่จะหายไปเองในระยะเวลาไม่นาน
ผู้ป่วยจะมีอาการปวดหัวมากกว่า 15 วันต่อเดือน อย่างน้อย 3 เดือนติดต่อกัน ซึ่งมักเป็นอาการเริ่มต้นของเนื้องอกในสมองที่กำลังพัฒนาขนาด กล่าวคือ มีขนาดใหญ่ขึ้นจนทำให้แรงดันในสมองสูงขึ้นและแสดงออกผ่านอาการปวดหัว
ผู้ป่วยอาจเริ่มอาเจียนโดยเฉพาะในตอนเช้า ซึ่งถือเป็นหนึ่งอาการร่วมสำคัญที่ควรเข้าพบแพทย์ทันที เพราะอาจมีความผิดปกติจากสมองที่ไม่ได้เกิดจากความเครียดตามปกติ
การเคลื่อนไหวหรือการสื่อสารผิดปรกติเกิดจากมีก้อนเนื้องอกกดทับหรือเบียดสมองส่วนที่ควบคุมระบบต่าง ๆ โดยแต่ละคนจะมีอาการแสดงต่างกัน ขึ้นอยู่กับว่าก้อนเนื้องอกเกิดขึ้นในสมองส่วนที่ทำหน้าที่อะไร เช่น บางคนอาจพูดไม่ได้ แขนขาอ่อนแรงหรือชา การทรงตัวผิดปกติ หรือบางคนมีอาการชัก ทั้งที่ไม่เคยมีประวัติการชักมาก่อน
เนื่องจากเนื้องอกในสมองไม่มีสาเหตุแน่ชัด แต่แสดงอาการทันที สิ่งสำคัญคือการเข้าพบแพทย์เพื่อตรวจให้รู้ว่าความผิดปกติเกิดจากปัจจัยใดบ้าง ซึ่งการตรวจสแกนสมองด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) จะช่วยให้มองเห็นได้ชัดเจนว่ามีเนื้องอกหรือความผิดปกติอื่น ๆ เกิดขึ้นที่สมองหรือไม่ รวมไปถึงขนาดของก้อนเนื้องอก เพื่อให้แพทย์สามารถวางแผนการรักษาได้อย่างถูกต้อง
หากเนื้องอกเกิดอุดตันทางเดินของน้ำในสมอง แพทย์สามารถให้การรักษาเนื้องอกในสมองอยู่ 3 วิธี ได้แก่ การฉายรังสี การให้ยาเคมีบำบัดและการผ่าตัด โดยแพทย์จะเลือกวิธีการรักษาจากอาการ ตำแหน่งและขนาดของเนื้องอกของผู้ป่วยเป็นสำคัญ
แก้ไข
01/03/2566