6 วิธีแก้ “นอนกรน” ลดความเสี่ยง “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”
ปัญหาการนอนกรนสามารถเกิดขึ้นได้กับคนทุกช่วงวัย แต่จะพบมากในผู้สูงวัย เพราะยิ่งอายุมากขึ้นก็ยิ่งทำให้บางส่วนของอวัยวะในทางเดินหายใจส่วนต้นหย่อนลงมาตามอายุ นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่นๆ ที่ทำให้เกิดการนอนกรนได้ เช่น โครงสร้างของช่องปากและทางเดินหายใจที่แตกต่างไปในแต่ละคน รวมทั้งอาการของโรคต่างๆ เช่น เยื่อบุจมูกอักเสบจากภูมิแพ้ ไซนัสอักเสบ ต่อมทอนซิลอักเสบ เนื้องอกบริเวณทางเดินหายใจ โรคทางระบบประสาทและกล้ามเนื้อ รวมถึงการมีน้ำหนักตัวมาก การดื่มแอลกอฮอล์ และการสูบบุหรี่ก็มีส่วนทำให้เกิดการนอนกรนได้เช่นกัน
สำหรับคนที่ไม่ได้นอนคนเดียว เมื่อนอนกรนก็อาจมีคนข้างๆ หรือคนที่นอนร่วมห้องบอกให้ทราบและช่วยสังเกตได้ว่ามีภาวะหายใจไม่สม่ำเสมอและมีเสียงกรนดังแต่หยุดเป็นช่วงๆ ขณะนอนหลับหรือไม่ ส่วนคนที่นอนคนเดียว แนะนำให้สังเกตอาการเบื้องต้นที่อาจบอกว่ามีอาการนอนกรน เช่น รู้สึกนอนหลับไม่เต็มอิ่ม ทั้งที่นอนมาทั้งคืน ตื่นบ่อย คอแห้ง ปวดหัวเป็นประจำในตอนเช้า มีอาการไม่สดชื่น ง่วงนอนมากผิดปกติ หงุดหงิดง่าย อารมณ์ไม่ดี เป็นต้น
เนื่องจากท่านอนบางท่า เช่น ท่านอนหงายอาจทำให้ลิ้นไปกดกับเพดานปาก จนทำให้อากาศที่ออกมาตีบแคบกลายเป็นเสียงกรนได้ จึงควรเปลี่ยนเป็นท่านอนตะแคง ซึ่งเป็นท่าที่ดีที่สุดในการลดอาการกรน
การจัดห้องนอนถือเป็นตัวช่วยทำให้หลับสบายและหลับได้ลึกมากขึ้น โดยอาจเริ่มจากการ
เริ่มจากการลดน้ำหนักอย่างจริงจัง เพราะน้ำหนักที่มากเกินไปจะทำให้มีไขมันพอกพูนที่บริเวณช่วงคอ อก รวมไปถึงหน้าท้อง ซึ่งอาจไปเบียดช่องทางการหายใจจนเกิดอาการกรน และอาจส่งผลให้มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้ การลดน้ำหนักจึงเป็นสิ่งจำเป็นที่สุดในการแก้ไขอาการดังกล่าว โดยต้องทำควบคู่ไปกับการควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย
การงดทานอาหารก่อนเวลาเข้านอน 3 ชั่วโมงเป็นสิ่งที่ควรทำควบคู่กับการรักษาอาการกรน เนื่องจากการรับประทานอาหารและการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนนอนทำให้กล้ามเนื้อคอหย่อนคล้อยกว่าปกติ ทั้งยังเป็นหนึ่งตัวการก่อโรคอ้วนเพิ่มความรุนแรงของอาการนอนกรนอีกด้วย
เพราะบุหรี่มีสารก่อให้เกิดโรคมะเร็งปอดและยังเป็นสาเหตุให้คัดจมูก รวมถึงทำให้เกิดอาการหายใจไม่สะดวก ดังนั้นคนที่อยากบอกลาอาการกรนก็ควรงดสูบบุหรี่ หรือเลิกสูบบุหรี่ไปเลยก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพ
เนื่องจากการออกกำลังกายทำให้กล้ามเนื้อที่ดึงรั้งช่องทางเดินหายใจแข็งแรงขึ้น ทำให้เนื้อเยื่อภายในปากไม่หย่อนลงมาขัดขวางทางเดินหายใจ และยังช่วยลดน้ำหนักได้อย่างมีประสิทธิภาพ
ปัจจุบันมีเทคโนโลยีทางการแพทย์หลายรูปแบบที่สามารถช่วยรักษาอาการกรนขณะนอนหลับได้ โดยมีทั้งอุปกรณ์เครื่องมือลดอาการกรน อาการหยุดหายใจขณะหลับไปจนถึงการผ่าตัดเพื่อรักษาอาการกรน ซึ่งมีรายละเอียดและวิธีการที่แตกต่างกันไปตามอาการนอนกรนของแต่ละคน ดังนั้นเราจึงควรใส่ใจดูแลตัวเองและคนรอบข้าง หากสังเกตพบว่ามีอาการนอนกรนจนถึงขั้นหยุดหายใจ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อแก้ปัญหาอาการนอนกรนก่อนที่จะสายเกินไป
นอนกรนไม่ได้เป็นแค่เรื่องกวนใจหรือเรื่องน่ารำคาญ แต่เป็นเรื่องสำคัญที่เราไม่ควรมองข้าม โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากเป็นการนอนกรนที่มีภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย เพราะอาจถึงขั้นทำให้เสียชีวิตได้
แก้ไข
19/10/2566