พญ. คิ ฤกษ์ชูชิต
อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา
ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับ ด้วยวิธี TACE Test
พญ. คิ ฤกษ์ชูชิต
อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา
พญ.คิ ฤกษ์ชูชิต อายุรแพทย์มะเร็งวิทยา โรงพยาบาลรามคำแหงกล่าวว่าสาเหตุของ “มะเร็งตับ” เกิดขึ้นในเนื้อตับ หลังจากตับได้รับความเสียหายเป็นเวลานาน ซึ่งที่พบบ่อยอย่างแรกคือ “การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี” หรือ “ซี” จึงเป็นการเพิ่มโอกาสการเกิดมะเร็งตับมากกว่าผู้ที่ไม่ติดเชื้อแม้จะไม่มีภาวะตับแข็งก็ตาม
ผู้ป่วยที่เป็นโรคมะเร็งตับอาจมีอาการแสดงออกตั้งแต่
แพทย์สามารถตรวจหามะเร็งตับเพื่อใช้ร่วมการวินิจฉัยได้หลายวิธีตั้งแต่
“รักษาอย่างไร...หายได้หรือไม่”...? ทางเลือกในการรักษามะเร็งตับ ด้วยการอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตัวก้อนมะเร็ง (TACE Test)
การรักษาโรคมะเร็งตับโดยทั่วไปแบ่งได้เป็น 2 วิธี คือการรักษาให้หายขาดไปเลยกับประคับประคอง การรักษาให้หายขาดคือถ้ามีก้อนเดียวในตับข้างใดข้างหนึ่งก็ตัดตับข้างนั้นทิ้งหรือเปลี่ยนถ่ายตับ ถ้ามีตับที่สามารถนำมาเปลี่ยนได้ อย่างไรก็ตาม ปัญหาของบ้านเราคือเป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบ บี เยอะมาก โอกาสที่ผู้ป่วยเปลี่ยนตับและกลับมาเป็นอีกก็ยังมีอยู่ ฉะนั้นแพทย์จึงเลือกใช้วิธีประคับประคองร่วมกับการรักษาที่ไม่ให้ตับโตเกินจนควบคุมไม่ได้
ถ้าคุณรู้เร็วก็รักษาได้หรือถ้ามีก้อนขนาดใหญ่ก็สามารถใช้วิธีทำให้เล็กลงเพื่อให้สามารถผ่าตัดรักษาได้
นพ.อนุชิต รวมธารทอง รังสีแพทย์ โรงพยาบาลรามคำแหงได้อธิบายว่าสำหรับวิธีรักษาแบบอื่นนั้น กรณีที่ผู้ป่วยเป็นผู้สูงอายุ หรือมีสภาพร่างกายที่ไม่สามารถผ่าตัดได้ แพทย์ก็ยังสามารถใช้วิธีอุดหลอดเลือดที่ไปเลี้ยงตัวก้อนมะเร็งตับ โดยเริ่มจากการแทงเข็มเข้าที่มะเร็งในตับ ก่อนปล่อยความเข้าสู่ตัวเข็มด้วยอุณหภูมิ 50 องศาเซลเซียสขึ้นไป จากนั้นแพทย์จึงให้ยาเคมีบำบัดในปริมาณต่ำ วิธีการรักษาดังกล่าวจึงเรียกชื่อว่า "TACE Test"
วิธีดังกล่าวยังมีข้อจำกัด โดยขนาดของก้อนต้องไม่ใหญ่เกิน 2-3 เซนติเมตรและรวมแล้วต้องไม่เกิน 3-4 ก้อนในบริเวณใกล้เคียง แม้ว่าจะเป็นการรักษาทางเลือกหนึ่งที่มีประสิทธิภาพสูง ทว่าแพทย์ก็ต้องคำนึงถึงระยะของโรคและสภาวะตับของผู้ป่วยเป็นกรณีไป
ที่มา : ขอบคุณภาพจาก นพ.อนุชิต รวมธารทอง รังสีแพทย์
เนื่องจากโรคนี้เกิดจากภาวะตับที่ไม่สมบูรณ์ ผู้ป่วยจึงต้องหลีกเลี่ยงอาหารหรือยาที่มีผลต่อตับ เช่น พาราเซตตามอล หรือการรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ซึ่งส่งผลให้ตับต้องทำงานอย่างหนัก และยิ่งหากเรารู้ว่าเป็นพาหะของโรคไวรัสตับอักเสบบี แพทย์ก็ถือว่าเป็นกลุ่มเสี่ยงที่ควรเข้ารับการตรวจร่างกายทุก 6 เดือน ทั้งอัลตร้าซาวด์ เจาะเลือดหามะเร็งตับร่วมการตรวจอื่น การตรวจพบขณะที่ยังมีขนาดเล็กเป็นผลดีที่แพทย์ยังพอรักษาได้ง่าย
ส่วนผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปไม่ว่าหญิงหรือชาย หากตรวจพบว่าไม่มีภูมิคุ้มกันไวรัสตับอักเสบบี ผู้นั้นสามารถเข้ารับวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจำนวน 3 ครั้ง เพื่อเสริมเกราะคุ้มกันไว้ก่อนได้ อย่างไรก็ตาม กรณีตรวจพบว่าเป็นพาหะโรค ผู้นั้นควรพาคู่สมรสมารับวัคซีนร่วมด้วย เนื่องจากเชื้อไวรัสนี้สามารถติดต่อกันได้
“มะเร็งตับ” มีวิธีตรวจ-รักษาหลายอย่าง...พบไวโอกาสหายสูง แพทย์จึงแนะนำกลุ่มเสี่ยงตรวจอัลตร้าซาวด์ทุก 6 เดือนเพื่อป้องกัน
อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา
อายุรกรรมมะเร็ง
อายุรศาสตร์มะเร็งวิทยา
อายุรแพทย์, อายุรแพทย์โรคมะเร็ง