บทความสุขภาพโรงพยาบาลรามคำแหง - โรคไวรัสตับอักเสบบี

February 22 / 2024

 

ไวรัสตับอักเสบบี

 

พญ.ปานวาด มั่นจิต

อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ

 

หลายท่านคงเคยได้ยินเกี่ยวกับไวรัสตับอักเสบบี แต่มักไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วไวรัสตับอักเสบบีมีความสำคัญอย่างไรและก่อให้เกิดโรคอะไรได้บ้าง ไวรัสตับอักเสบบี เป็นสาเหตุที่สำคัญของโรคตับอักเสบ ตับแข็ง และมะเร็งตับ แม้แต่ในผู้ที่ไม่ได้ดื่มเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์

 

 

 

จะทราบได้อย่างไรว่า ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ?

 

ส่วนใหญ่ผู้ป่วยที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีมักไม่มีอาการหรืออาจมีอาการที่ไม่จำเพาะ

 

เราจะทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่โดยการเจาะเลือดตรวจเท่านั้น

แต่สามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบบี

 

 

ไวรัสตับอักเสบบีติดต่อกันได้อย่างไร ?

 

ปกติไวรัสตับอักเสบบีติดต่อกันได้ 3 ทาง คือ ติดต่อจากมารดาสู่ทารกในครรภ์ ติดต่อทางเพศสัมพันธ์ และติดต่อจากการสัมผัสเลือดและผลิตพันธ์ของเลือด เช่น น้ำเหลือง และเกร็ดเลือด เป็นต้น

 

 

 

ผู้ป่วยไวรัสตับอักเสบบีในประเทศไทยส่วนใหญ่จะได้รับเชื้อตั้งแต่ในวัยเด็กโดยได้รับมาจากมารดาที่เป็นพาหะ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีตั้งแต่ในวัยเด็กขณะที่ระบบภูมิคุ้มกันยังไม่สมบูรณ์เต็มที่จะทำให้เป็นการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีแบบเรื้อรังและมักไม่แสดงอาการ การติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในวัยผู้ใหญ่ มักเป็นแบบเฉียบพลัน จะมีอาการจำเพาะซึ่งเกิดจากภูมิคุ้มกันของร่างกายพยายามทำลายเชื้อไวรัส ส่วนใหญ่ของผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีในวัยผู้ใหญ่ร่างกายมักสามารถกำจัดเชื้อไปได้เอง

 

 

ใครบ้างที่ควรได้รับการตรวจหาการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ?

 

ผู้ที่ควรได้รับการตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีถึงแม้ไม่มีอาการผิดปกติ ได้แก่ ผู้ที่มีความเสี่ยงต่อการรับเชื้อ เช่น

  1. มีสามีหรือภรรยาหรือญาติพี่น้องในครอบครัวเป็นไวรัสตับอักเสบบี
  2. หญิงมีครรภ์ ผู้ที่มีผลเลือดเป็นตับอักเสบเรื้อรังโดย ไม่ทราบสาเหตุ

ผู้ป่วยที่มีอาการของตับอักเสบดังต่อไปนี้ เช่น มีอาการอ่อนเพลียตัวเหลือง ตาเหลือง อุจจาระเป็นสีดำ หรืออาเจียนเป็นเลือดที่สงสัยว่าเกิดจากโรคตับแข็ง เป็นต้น สำหรับประเทศไทยซึ่งมีความชุกของโรคไวรัสตับอักเสบบีสูง แนะนำว่าควรตรวจหาเชื้อไวรัสตับอักเสบบีทุกคนแม้ว่าจะไม่มีอาการเพราะการตรวจเลือดเพียงครั้งเดียว สามารถบอกได้ว่าติดเชื้อไวรัสไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ (ไม่จำเป็นต้องตรวจทุกปีเหมือนการตรวจสุขภาพทั่วไป)

 

 

ควรปฏิบัติตัวอย่างไรเมื่อทราบว่าติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบี ?

 

ในอดีตไวรัสตับอักเสบบีไม่มียารักษาที่ได้ผลดี แต่ปัจจุบันวงการแพทย์ได้มีการคิดค้นและพัฒนายาต้านไวรัสเพื่อรักษาโรคไวรัสตับอักเสบบีได้อย่างมีประสิทธิภาพ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีจึงควรมาพบแพทย์เพื่อตรวจดูว่าท่านควรได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือไม่ สำหรับผู้ที่อยู่ในระยะพาหะอาจยังไม่ต้องรักษาด้วยยาต้านไวรัส ทั้งนี้ไม่ว่าจะได้รับการรักษาด้วยยาต้านไวรัสหรือไม่ ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีควรได้รับการตรวจคัดกรองเพื่อหามะเร็งตับระยะเริ่มต้นด้วยการตรวจเลือดและทำอัลตร้าซาวน์ตับเป็นระยะทุก ๆ 6 เดือน

 

 

มีวิธีป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีหรือไม่ ?

 

ไวรัสตับอักเสบบีสามารถป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีนทั้งหมด 3 เข็ม โดยฉีดเข็มที่ 2 ห่างจากการฉีดเข็มแรก 1 เดือน และฉีดเข็มที่ 3 ห่างจากการฉีดเข็มแรก 6 เดือน โดยการฉีดวัคซีนไวรัสตับอีกเสบบีจนครบคอร์ส 3 เข็ม สามารถป้องกันการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบบีได้มากกว่า 90%

 

 

นัดพบแพทย์คลิก

พญ.ปานวาด มั่นจิต

อายุรศาสตร์โรคระบบทางเดินอาหารและตับ

 

 

 

แก้ไข

18/5/2566