Messenger

เช็กให้ชัวร์! กำลังป่วยทางใจ หรือเป็นโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

July 10 / 2025

ป่วยทางใจ

 

 

 

 

      หลายคนอาจเคยได้ยินว่าอาการป่วยทางใจโดยเฉพาะอาการแพนิคนั้นมีความเกี่ยวข้องกันโดยตรงกับโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะแต่ก็ยังไม่แน่ใจว่าทั้ง 2 โรคมีความเกี่ยวข้องกันอย่างไร เพราะทั้ง 2 โรคก็ทำให้เหนื่อยง่าย ใจสั่น หน้ามืด และอาจถึงขั้นหมดสติ ดังนั้น การทำความเข้าใจถึงทั้ง 2 โรคจึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อจะได้สามารถแยกแยะอาการที่เกี่ยวกับหัวใจได้ โดยเฉพาะหากคนใกล้ตัวเริ่มมีอาการ ก็จะได้แนะนำไปสู่การรักษาที่ถูกต้องอย่างทันท่วงทีนั่นเอง

 

เข้าจิตเข้าใจ 'อาการป่วยทางใจ'

     อาการป่วยทางใจ หรือ 'ไข้ใจ' คือกลุ่มอาการทางจิตใจที่ส่งผลให้ผู้ป่วยใช้ชีวิตได้อย่างยากลำบาก ปัจจุบันมีคนจำนวนไม่น้อยที่ไม่ทราบว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอาการป่วยทางใจ ในขณะที่หลายคนทราบว่าตนเองกำลังป่วย แต่ไม่มาพบแพทย์

 

 

 


หลายคนอาจนึกกลัวเมื่อต้องเข้าพบจิตแพทย์ แต่หากพบก็ยังได้รู้ว่าอย่างน้อย เราได้หยุดยั้งความร้ายแรงที่เกิดขึ้นในอนาคตได้

 

 

5 โรคทางใจที่พบบ่อย

1.  โรคซึมเศร้า

     โรคซึมเศร้าเป็นภาวะที่ส่งผลให้ผู้ป่วยรู้สึกท้อแท้ เบื่อหน่าย หดหู่ สะเทือนใจง่าย และรู้สึกว่าตนเองไม่มีคุณค่า ไม่มีความสุขกับกิจกรรมที่เคยชอบทำ หากไม่ได้รับการรักษาอย่างถูกวิธี ผู้ป่วยอาจรู้สึกแย่ลงและเสี่ยงต่อการเลือกจบชีวิตตัวเอง

 

2.  โรควิตกกังวล

     เราสามารถสังเกตจากความวิตกกังวลของคนใกล้ตัวในเรื่องทั่วไปในชีวิตประจำวัน เช่น เรื่องครอบครัว เรื่องงาน บางครั้งอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยในทุกวันจนเกิดความเครียดสะสม และอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ

 

3.  โรคไบโพลาร์

     โรคไบโพลาร์ (Bipolar Disorder)  เป็นภาวะอารมณ์ที่เปลี่ยนแปลงไปมาระหว่าง บางครั้งร่าเริง บางคราวหดหู่และซึมเศร้าเกินปรกติ ส่วนใหญ่ผู้ป่วยจะมีอาการซึมเศร้าต่อเนื่องนานหลายเดือน ก่อนเข้าสู่ช่วงที่รู้สึกกระฉับกระเฉงและอารมณ์ดีผิดปกติ อาการเหล่านี้มักเกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมองโดยมีสารสื่อประสาทที่ไม่สมดุล โดยมีสาเหตุจากพันธุกรรมที่ผิดปกติ รวมถึงสภาพแวดล้อมของผู้ป่วย เช่น การเลี้ยงดูในวัยเด็ก ความเครียด

 

4.  โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (PTSD)

     โรคเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนใจ (Post-Traumatic Stress Disorder : PTSD) คือภาวะผิดปรกติที่เกิดจากประสบการณ์ที่เลวร้ายของผู้ป่วย เช่น เผชิญกับภาวะเฉียดตาย ถูกทำร้าย หรือเห็นคนใกล้ตัวเสียชีวิต ผู้ป่วยจึงเกิดความกลัวว่าจะเกิดซ้ำ จนมีอาการหวาดระแวง ตกใจง่าย กังวลในเรื่องเล็กน้อย และคิดถึงเหตุการณ์นั้นซ้ำ ๆ

 

5.  โรคแพนิค

     โรคแพนิค (Panic Disorder) คือภาวะทางใจที่ก่อให้เกิดอาการกลัวและวิตกกังวลขึ้นมาโดยไม่มีสาเหตุ อาการที่เกิดขึ้นเป็นผลมาจากระบบประสาทอัตโนมัติไวต่อสิ่งกระตุ้น ผู้ป่วยจึงมีอาการหายใจติดขัด หัวใจเต้นเร็ว เวียนศีรษะ จุกแน่น อึดอัด หรือรู้สึกคล้ายจะเป็นลม ผู้ป่วยหลายคนมักคิดว่าตนเองกำลังหัวใจวายหรือเป็นโรคร้ายแรงอยู่บ่อยครั้ง

 

 

 

ป่วยทางใจ รักษา

 

 

การรักษาอาการป่วยทางใจ

โดยทั่วไปเราสามารถแบ่งการรักษาเป็น 2 แนวทางหลัก ดังนี้

 

  • การใช้ยา มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับสมดุลสารเคมีในสมอง ผู้ป่วยจึงมีโอกาสกลับมาใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีความสุข
  • การบำบัด เน้นพูดคุยและบอกเล่าเรื่องราวที่เกิดขึ้น โดยจิตแพทย์จะจัดกิจกรรมที่ทำให้ชีวิตมีความหมาย บางรายอาจต้องบำบัดการใช้ยาและสารเสพติด

 

 

 

 


นอกจากนี้ คนในครอบครัวควรเปิดใจรับฟังถึงปัญหา รวมถึงควรทำความเข้าใจและให้กำลังใจผู้ป่วย โดยที่ไม่มองว่าผู้ป่วยเป็นบุคคลอันตราย ก็จะเป็นการช่วยให้ผู้ป่วยมีกำลังใจ และหายเป็นปกติได้เร็วขึ้น

 

 

วิธีแยกระหว่าง 'ป่วยทางใจ' กับ 'หัวใจเต้นผิดจังหวะ'

กรณีของผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ

  • มักมีอัตราการเต้นของหัวใจช้ากว่าปกติ น้อยกว่า 60 ครั้งต่อนาที หรือเร็วกว่าปกติ มากกว่า 100 ครั้งต่อนาที
  • หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะสม่ำเสมอ เช่น เต้น ๆ หยุด ๆ หรือเต้นเร็วสลับช้า ซึ่งจำเป็นต้องได้รับการตรวจยืนยันด้วยการตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ขณะที่มีอาการจะช่วยบอกว่ามีหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือไม่และเป็นขนิดใด
  • ภาวะดังกล่าวอาจสืบเนื่องจากการสูบบุหรี่ การดื่มชา กาแฟ ความเครียด หรืออาการป่วยทางใจโดยเฉพาะโรคแพนิค

 

โรคหัวใจผิดจังหวะ รักษาหายไหม

ปัจจุบันสามารถรักษาโรคนี้ได้หลายวิธี แพทย์จะพิจารณาจากระดับความรุนแรงของโรค

 

  • ในเบื้องต้น แพทย์อาจให้ผู้ป่วยรับประทานยาเพื่อควบคุมจังหวะการเต้นของหัวใจ
  • ใช้เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) โดยการฝังอุปกรณ์บนผนังหน้าอกใต้ผิวหนังในรายที่หัวใจเต้นช้า
  • แพทย์อาจพิจารณาให้ใช้สายสวนจี้กล้ามเนื้อหัวใจ โดยปล่อยคลื่นเสียงวิทยุเข้าไปกำจัดเนื้อเยื่อหัวใจที่เป็นสาเหตุทำให้คลื่นไฟฟ้าหัวใจทำงานผิดปกติ เพิ่มโอกาสการหายขาดให้แก่ผู้ป่วยถึง 95-99% และมีผลข้างเคียงน้อย

 

การดูแลสุขภาพร่างกายและจิตไปพร้อมกัน

  • รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นรับประทานเนื้อปลา ซึ่งอุดมด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 รวมถึง
  • เพื่อป้องกันโรคหัวใจ ควรหลีกเลี่ยงของทอด เบเกอรี่ เครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของครีมเทียม
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอต่อวัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอและมีคุณภาพอย่างน้อยวันละ 6-8 ชั่วโมง
  • ขยับเคลื่อนไหวและออกกำลังกายแต่พอดี
  • งดสูบบุหรี่หรือใช้สารเสพติด
  • ตรวจสุขภาพประจำปีและปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
  • ผ่อนคลายด้วยงานอดิเรกที่ชอบ ท่องเที่ยว ฝึกสมาธิ หรือทำงานจิตอาสา
  • ควรปรึกษาคนรอบข้าง นักจิตวิทยาหรือจิตแพทย์เพื่อหาหนทางแก้ไขปัญหาอย่างเหมาะสม