Messenger

‘โรคซึมเศร้า’ รู้จักโรคและก้าวผ่านด้วยแรงใจจากคนใกล้ชิด

May 12 / 2025

โรคซึมเศร้า

 

 

 

     โรคซึมเศร้าเป็นโรคที่พบบ่อยและเกิดได้ทุกเพศทุกวัย บางรายอาจมองไม่เห็นด้วยตา แต่หากได้มองตาและพูดคุยถึงได้รู้สิ่งที่อยู่ข้างใน แพทย์จึงอยากสร้างความเข้าใจเรื่องโรค การรักษาและการดูแลให้สามารถกลับมาใช้ชีวิตได้อย่างมีความสุข

 

โรคซึมเศร้า

     โรคซึมเศร้า (Depression) เป็นภาวะอารมณ์เศร้าที่เป็นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งสามารถเกิดได้จากหลายสาเหตุ ผู้ป่วยที่เป็นโรคซึมเศร้าจึงรู้สึกทุกข์ทรมานและได้รับผลกระทบผลต่อหน้าที่การงาน


 


สารเคมีในร่างกายที่ช่วยให้เรารู้สึกตื่นตัว ตกใจ ผ่อนคลายหรือนอนหลับสนิท หากสิ่งเหล่านี้ไม่สมดุลทั้งจากพันธุกรรมและสิ่งแวดล้อมที่เข้ามากระทบ การใช้ชีวิตก็อาจไม่ดีเท่าที่ควร


 

 

 

โรคซึมเศร้า

 

 

สาเหตุของโรคซึมเศร้า

โรคซึมเศร้าเกิดได้จากหลายปัจจัยที่นอกจากพันธุกรรม ดังนี้

 

1. สารส่งผ่านประสาท 

     ผู้ป่วยมีสารสื่อประสาทชนิดเซโรโทนิน นอร์อะดินาลีนและโดปามีนทำงานลดลงร่วมกับมีกระบวนการถ่ายทอดในระบบประสาทที่ผิดปรกติ

 

2. พันธุกรรม

     โอกาสเสี่ยงเป็นโรคซึมเศร้าสูงขึ้น หากมีสมาชิกในครอบครัวป่วยเป็นโรคซึมเศร้า

 

3.  เหตุการณ์ในชีวิต 

     ผู้ป่วยอาจประสบกับเหตุการณ์ในชีวิตที่ทำให้เกิดความเครียด ความเครียดเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้า เนื่องจากความเครียดเรื้อรังมีผลทำให้การทำงานของสารเคมีในสมองเปลี่ยนไป

 

4.  บุคลิกภาพ

     ผู้ที่มีมุมมองต่อโลกและตนเองในแง่ลบมีความเสี่ยงที่เป็นโรคซึมเศร้า อย่างไรก็ตาม บุคลิกภาพอื่นก็สามารถเป็นโรคได้เช่นกัน หากสถานการณ์แวดล้อมเข้ามากระตุ้น

 

อาการของโรคซึมเศร้า

  • รู้สึกเศร้าหมอง อ่อนเพลีย ไม่มีเรี่ยวแรง 
  • มองโลกในแง่ร้าย รู้สึกว่าตนไร้ค่าและไร้ทางออก
  • มีภาวะนอนไม่หลับหรือนอนมาก
  • รู้สึกเบื่อหน่ายและทานผิดปรกติ เช่น เบื่ออาหารหรือทานมากไป
  • ขาดสมาธิและไม่สามารถคิดหรือตัดสินใจเองได้
  • เคลื่อนไหวและทำอะไรช้า
  • ขาดแรงใจที่จะมีชีวิต

 

 

 

โรคซึมเศร้า

 


 

การวินิจฉัยโรคซึมเศร้า

     ผู้นั้นมีแนวโน้มเป็นโรคซึมเศร้าหากมีอาการเหล่านี้นานกว่า 2 สัปดาห์ ปัจจุบันมีแบบทดสอบคัดกรองภาวะซึมเศร้าเบื้องต้นอย่าง 9Q (PHQ-9) อย่างไรก็ตาม ผู้ป่วยควรพบจิตแพทย์เพื่อรับวินิจฉัยตามเกณฑ์วินิจฉัย DSM-V ตั้งแต่การถามประวัติ การตรวจทางจิตเวชผ่านแบบทดสอบซึ่งครอบคลุมการตรวจด้านความคิดและจิตใจ หลังจากนั้นจึงเข้าสู่การตรวจเลือดและการตรวจทางรังสีวิทยาเพื่อคัดแยกโรค

 

การรักษาโรคซึมเศร้า

1. การรักษาด้วยยา

     แพทย์จะพิจารณาอาการและเลือกใช้ยาที่เหมาะสมกับผู้ป่วย เช่น ยาต้านซึมเศร้า (Antidepressant) โดยมีกลไกหลักคือเพิ่มการทำงานของสารสื่อประสาท 

 

2.  การทำจิตบำบัด

     ผู้ป่วยโรคซึมเศร้าจะได้พบจิตแพทย์และนักจิตบำบัด เพื่อเข้ารับการทำจิตบำบัด ซึ่งเป็นการหาสาเหตุที่ทำให้เกิดทุกข์หรือปมที่อยู่ในใจ ผู้ป่วยจะได้รับการปรับความคิดและพฤติกรรมควบคู่กับการพัฒนาทักษะการแก้ปัญหา ซึ่งส่วนใหญ่อาจใช้เวลาบำบัด 12 - 16 ครั้ง อย่างไรก็ตาม จำนวนครั้งของการทำจิตบำบัดขึ้นอยู่กับความรุนแรงของตัวโรค 

 

 

 

โรคซึมเศร้าโรคซึมเศร้า

 

 

3. เทคโนโลยีคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (TMS)

     การรักษาด้วยเทคโนโลยี TMS อาศัยหลักการใช้คลื่นแม่เหล็กไปกระตุ้นเซลล์ประสาทบริเวณเปลือกสมองตรงตำแหน่งที่ทำให้เกิดโรคซึมเศร้าอย่างต่อเนื่อง 2-3 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 5 วันจึงจะเห็นผลเพื่อให้ผู้ป่วยดีขึ้น

 

อ่านเพิ่มเติม : TMS ทางเลือกใหม่สำหรับรักษาโรคซึมเศร้า

 

 

การดูแลตัวเองเพื่อทุเลาโรคซึมเศร้า

  • ออกจากห้องสี่เหลี่ยมสู่โลกภายนอก ทิ้งความรู้สึกเศร้าให้หยุดไว้ที่บ้าน และไปท่องเที่ยวสถานที่อื่นที่ไม่คุ้นเคยเพื่อเปิดมุมมองใหม่ บางครั้งอาจเป็นสถานที่ใกล้ตัวที่เรามีความหลังที่ดี
  • ใส่สิ่งดี ๆ ที่พบเจอในชีวิตลงสมุดบันทึก เพื่อทบทวนชีวิตของตัวเองว่ายังมีสิ่งที่ดีอยู่เคียงข้าง
  • รับประทานอาหาร และนอนให้เป็นเวลา
  • หาเพื่อนใจไว้ใกล้ชิด เล่าความรู้สึกและเรื่องราวที่พบเจอในแต่ละวัน บางครั้งอาจเป็นเรื่องสนุกหรือกิจกรรมสังสรรค์ที่ชอบทำร่วมกัน เช่น การนั่งทานอาหารที่อร่อย
  • ออกกำลังกายเป็นประจำ เนื่องจากมีส่วนช่วยเพิ่มระดับเซโรโทนินและเอ็นโดฟิน ซึ่งเป็นสารสื่อประสาทที่ทำให้เรารู้สึกผ่อนคลายและอารมณ์ดี
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์ ไม่ควรหยุดยาเอง แต่ควรเข้าพบแพทย์เพื่อหาวิธีทุเลาอาการ

 

อ่านเพิ่มเติม : “โรคซึมเศร้า” กับผู้สูงวัย ลูกหวานใส่ใจ ดีขึ้นได้แน่นอน!
 

 


เมื่อสุขภาพจิตดี ร่างกายก็แข็งแรง เมื่อจิตไม่ใช่นายและกายไม่ใช่บ่าว แต่กลายเป็นสิ่งที่พึ่งพากันและกันอย่างใกล้ชิด