พญ. รติกร พฤกษ์มหาชัยกุล
กุมารเวชศาสตร์
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
เมื่อลูกร้องกลั้นจนหน้าเขียว สถานการณ์เช่นนี้อาจทำให้พ่อแม่หลายท่านตกใจไม่น้อย แม้ว่าภาวะนี้อาจดูน่ากลัวและน่าเป็นห่วง แต่ในความเป็นจริง เด็กจะกลับมาหายใจได้เองตามปกติ อีกทั้งไม่ได้ทำให้เกิดอันตรายต่อสมองหรือมีผลต่อพัฒนาการของเด็ก และภาวะนี้จะค่อย ๆ หายไปเมื่อเด็กโตขึ้น
ภาวะร้องกลั้น (Breath-Holding Spells) เป็นอาการที่พบบ่อยในเด็ก โดยมักจะเกิดขึ้นเมื่อเด็กถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์หงุดหงิด โกรธจัด โมโห เจ็บ หรือรู้สึกไม่พอใจ จนทำให้เด็กร้องไห้จนกลั้นหายใจซึ่งภาวะดังกล่าวสามารถนำไปสู่อาการเขียว (cyanosis) หรือหมดสติได้ ส่วนมากเกิดขึ้นกับเด็กในช่วงอายุระหว่าง 6 เดือนถึง 4 ปี และหลังจากอายุเกิน 4 ปี ผู้ป่วยประมาณครึ่งอาการจะหายไป
ในเด็กมีปัจจัยหลายอย่างที่กระตุ้นให้เกิดภาวะร้องกลั้น ดังนี้
โดยส่วนมาก เด็กจะร้องกลั้นจากสาเหตุนี้บ่อย เช่น ถูกขัดใจ ไม่ได้ดั่งใจ ทำให้เด็กเกิดสภาวะเครียดทางอารมณ์ “หงุดหงิด โกรธจัด โมโห” เด็กเล็กจึงมีอาการงอแง ร้องไห้หนัก จนถึงขั้นร้องกลั้น ในบางรายอาจมีอาการหมดสติ หรืออาการเกร็งกระตุกสั้น ๆ ร่วมด้วยได้
บางการศึกษาระบุว่า อาจมีสาเหตุมาจากปฏิกิริยาของระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ซึ่งระบบประสาทส่วนนี้มีหน้าที่ควบคุมการทำงานของอวัยวะบางอย่าง เช่น การเต้นของหัวใจ และความดันโลหิตที่พาเลือดไปเลี้ยงสมอง การที่ระบบส่วนนี้มีความผิดปกติ จึงทำให้เกิดภาวะร้องกลั้นแบบซีดได้
ในผู้ป่วยร้องกลั้นหลายรายพบว่ามีประวัติคนในครอบครัว โดยเฉพาะพ่อแม่หรือพี่น้องมีประวัติการร้องกลั้นเช่นกันในวัยเด็ก
เกือบ 50% ของผู้ป่วยเด็กที่ร้องกลั้นมีภาวะขาดธาตุเหล็กแอบแฝงอยู่ เพราะการขาดธาตุเหล็กจะทำให้ออกซิเจนที่ไปเลี้ยงสมองลดลง ซึ่งจะทำให้เด็กร้องกลั้นแล้วเขียวง่ายขึ้น
สิ่งสำคัญคือผู้ปกครองควรปฏิบัติตาม 2 ข้อ ดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงแรกที่เริ่มร้องก่อนที่จะร้องรุนแรงจนกลั้นเขียว
กุมารเวชศาสตร์