Messenger

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ เมื่ออาการปวดข้อเกิดจากภูมิคุ้มกัน

July 02 / 2025

รูมาตอยด์

 

 

 

     ปวดแบบใดจึงรู้ว่าเป็นข้ออักเสบรูมาตอยด์ แม้มีอาการปรากฏให้เห็นชัด แต่ไม่อาจแน่ใจได้ว่าเป็นโรคนั้น เนื่องจากอาการคล้ายคลึงกับหลายโรค ทั้งยังเป็นโรคที่เกิดได้ตั้งแต่วัยหนุ่มสาว อีกหนึ่งโรคที่เกิดจากภูมิคุ้มกันเข้าหาทำร้ายร่างกาย แม้ไม่อาจรักษาให้หายขาด แต่จะทำอย่างไรให้เราอยู่ร่วมกับโรคนี้ได้

 

โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์

     โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ (Rheumatoid Arthritis) เป็นภาวะภูมิคุ้มกันต้านตัวเองจนส่งผลให้เยื่อหุ้มข้อหนาและอักเสบ เมื่อเป็นจะเกิดอาการบวมแดงร้อนตามตำแหน่งที่เกิด เนื่องจากเป็นโรคเรื้อรัง หากไม่ได้รับการรักษา ข้อจะสึกกร่อน ผิดรูปและเกิดภาวะพิการ บางกรณีการอักเสบอาจลุกลามไปยังอวัยวะอื่น

 

ปัจจัยก่อเกิด

     แม้โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ยังไม่มีสาเหตุแน่ชัด ทว่าหลายปัจจัยที่ส่งเสริมให้เกิดโรค เช่น พันธุกรรม บางครอบครัวมีประวัติเป็นโรคแพ้ภูมิตัวเองหรือโรคดังกล่าว การสูบบุหรี่ ภาวะติดเชื้อ

 

 

 

รูมาตอยด์

 

 

 

อาการของโรค

อาการมักเริ่มเกิดกับข้อเล็ก ๆ เช่น ส่วนโคนนิ้วมือหรือเท้า บางครั้งอาจเกิดอาการข้ออักเสบหลายข้อ (Polyarthritis) โดยอาจลุกลามไปยังอวัยวะใกล้เคียงอื่น

 

  • ปวดตึงตามข้อทั้งสองข้าง เช่น ข้อนิ้วมือ ข้อมือ
  • เหยียดข้อได้ไม่สุด ทรงตัวได้ไม่ดี
  • ข้อฝืดแข็งในตอนเช้า เป็นหายบ่อย ๆ
  • พบปุ่มรูมาตอยด์บริเวณที่กระดูกเสียดสีบ่อย
  • อาจมีอาการแสดงอื่นร่วม เช่น ดวงตาอักเสบ
  • มีไข้ต่ำ น้ำหนักตัวลดลง

 

การวินิจฉัยโรค

     แพทย์จะเริ่มถามประวัติผู้ป่วยและตรวจร่างกายอย่างละเอียด หลังจากนั้นจะส่งผู้ป่วยเข้ารับการตรวจเลือดเพื่อหาสารบ่งชี้โรครูมาตอยด์ เช่น Rheumatoid Factor หรือ Anti-CCP antibody ตรวจเอกซเรย์เพื่อประเมินสภาพกระดูกและข้อ และอาจใช้วิธีการตรวจอื่น ๆ เพิ่มเติมเพื่อยืนยันการวินิจฉัยและคัดแยกโรคที่มีอาการคล้ายคลึงกัน เช่น โรคแพ้ภูมิตัวเอง

 

การรักษา

     แพทย์จะเลือกการรักษาที่เหมาะสมกับอาการของผู้ป่วย เพื่อทุเลาอาการหรือทำให้โรคสงบลง แพทย์อาจเริ่มจากการให้ยาเพื่อควบคุมการอักเสบ ลดอาการปวดควบคู่กับทำกายภาพบำบัด กรณีที่ใช้การรักษาด้วยยาไม่ได้ผล แพทย์อาจใช้การผ่าตัดเป็นการรักษาทางเลือก

 

 


โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์สามารถกลับเป็นซ้ำได้ ดังนั้นผู้ป่วยควรทำตามคำแนะนำอย่างเสมอ

 

 

 

การดูแลเพื่อทุเลาโรค

  • ควรรับประทานยาเฉพาะที่แพทย์จัดไว้
  • พักการใช้ข้อเมื่อรู้สึกปวด
  • ให้ร่างกายได้รับแสงแดดบางเวลา
  • ทานอาหารเสริมธาตุเหล็กและวิตามินดีอย่างสม่ำเสมอ
  • ไม่สูบบุหรี่และรับสารเสพติด
  • บริหารกล้ามเนื้อด้วยการยืดเหยียดวันละ 1-2 ครั้ง
  • หลีกเลี่ยงกิจกรรมที่ออกแรงมาก เช่น ยกของหนัก วิ่ง

 

บททิ้งท้ายจากแพทย์

     การจัดสภาพแวดล้อมให้สะอาด สะดวกและปลอดภัยช่วยลดโอกาสเกิดสิ่งไม่คาดฝันอย่างการหกล้ม และส่วนสำคัญที่ขาดไม่ได้คือแรงใจจากคนใกล้ชิด เพื่อให้ทุกการใช้ชีวิตมีความสุขและอยู่กับโรคนั้นได้