นพ. วันธันย์ โชติสมิทธิ์กุล
ศัลยกรรมทั่วไปและผ่าตัดส่องกล้อง
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่

เมื่อการลดน้ำหนักวิธีปกติไม่เป็นไปตามเป้าหมาย "การผ่าตัดลดความอ้วน" หรือที่หลายคนเรียกว่า "การผ่าตัดกระเพาะอาหาร" จึงกลายเป็นทางเลือกที่นิยมใช้รักษาโรคอ้วนในปัจจุบัน การผ่าตัดไม่เพียงช่วยให้น้ำหนักลดลงได้อย่างยั่งยืนเท่านั้น แต่ยังช่วยควบคุมโรคเรื้อรังที่มักมาพร้อมกับภาวะอ้วน เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง ไขมันพอกตับ ภาวะหยุดหายใจขณะหลับได้อีกด้วย

เราสามารถประเมินภาวะอ้วนอย่างง่ายด้วยวิธี
หากผู้ชายมีเส้นรอบพุงมากกว่า 90 เซนติเมตร (35 นิ้ว) และผู้หญิงหากมีเส้นรอบพุงมากกว่า 80 เซนติเมตร (31.5 นิ้ว) แล้วยิ่งถ้ามีเบาหวาน ความดัน หรือ มีไขมันสูงร่วมด้วยแล้วถือว่ามีความเสี่ยง ควรรีบพบแพทย์ เพื่อหาวิธีการรักษาที่เหมาะสม เพราะเราเรียกภาวะนี้ว่าภาวะอ้วนลงพุงและกลุ่มอาการด้านเมตตาโบลิค (Metabolic syndrome) ซึ่งมีโอกาสเกิดทุพพลภาพและเสียชีวิตได้ค่อนข้างสูง
ส่วนในทางการแพทย์ เราใช้ค่ามาตรฐานในการวัดภาวะอ้วน โดยหาได้จากการนำน้ำหนัก (กิโลกรัม) หารด้วยส่วนสูง (เมตร) ยกกำลังสอง เช่น หนัก 90 กิโลกรัม สูง 160 เซนติเมตร ค่า IBM คำนวนได้ คือ (90 / (1.6 x 1.6)) จะได้ BMI = 35.15 กก./ตร.ม. หาก BMI มากกว่า 32.5 กก./ตร.ม. จะถือว่าเริ่มมีข้อบ่งชี้ เริ่มมีความเสี่ยงสูง ควรจะพิจารณาเรื่องการผ่าตัดลดน้ำหนักได้แล้วนั่นเอง
การผ่าตัดกระเพาะอาหารมี 3 วิธีหลัก ได้แก่
ที่นิยมในปัจจุบันคือ Sleeve gastrectomy ซึ่งเป็นการผ่าตัดแบบส่องกล้องเพื่อย่อขนาดกระเพาะอาหารให้เล็กลงเหลือเป็นทรงถุงยาว ช่วยให้ลดฮอร์โมนความหิว ทำให้รู้สึกอิ่มเร็ว ทานได้น้อยลง
2. การผ่าตัดลดขนาดกระเพาะอาหารและลำไส้เล็ก
Sleeve Gastrectomy Plus Bypass คือการผ่าตัดส่องกล้องเพื่อลดขนาดกระเพาะให้เล็กลง และตัดต่อลำไส้เล็กเพื่อลดการดูดซึมของอาหาร โดยช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักและควบคุมโรคโดยเฉพาะโรคเบาหวาน
วิธีถัดมาเป็นการผ่าตัดเบี่ยงเบนทางเดินอาหาร (Roux-en-Y gastric bypass: RYGB) ร่วมกับลดขนาดกระเพาะอาหาร โดยแพทย์จะแบ่งกระเพาะอาหารออกเป็นสองส่วน โดยปรับส่วนที่รับอาหารให้เล็กลงและเชื่อมต่อเข้าลำไส้เล็กส่วนกลาง เพื่อลดการดูดซึมและความอยากอาหาร (ลดน้ำหนักได้ประมาณ 50-70% ของน้ำหนักส่วนเกินหรือ 20-30% ของน้ำหนักก่อนผ่าตัดภายใน 1-2 ปีแรก)


ผู้ป่วยจะสามารถเริ่มรับประทานอาหารได้ โดยแบ่งเป็น 4 ระยะ ดังนี้

มีโอกาสกลับมาอ้วนได้จากหลากสาเหตุ เช่น การรับประทานน้ำตาลหรืออาหารกลุ่มแป้ง การทานจุกจิก การไม่ออกกำลังกาย
ศูนย์ดูแลสุขภาพและน้ำหนัก โรงพยาบาลรามคำแหง ให้การดูแลลดน้ำหนักสุขภาพจากเหล่าแพทย์เฉพาะทางและผู้ชำนาญการจากสหสาขาวิชาชีพ พร้อมโปรแกรมที่ครอบคลุมทุกด้านตั้งแต่การปรับการรับประทานอาหารที่เหมาะสมแบบรายบุคคล การออกกำลังกาย การใช้ยาและการผ่าตัดด้วยนวัตกรรมการผ่าตัดกระเพาะอาหารประสิทธิภาพสูง ลดเสี่ยงหลังผ่า ก้าวสู่ชีวิตใหม่ได้อย่างมั่นใจกว่าที่เคย
ศัลยกรรมทั่วไปและผ่าตัดส่องกล้อง