พญ. ปิ่นประภา ธรรมวิภัชน์
กุมารเวชศาสตร์, พัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก
‘สะบัดแขน ไม่พูดด้วย และไม่มองหน้า’ อาจชวนดูไม่เป็นมิตรเมื่อได้ยิน บางรายอาจดูแค่ภายนอกนั้นมองไม่ออก แต่เมื่อได้คุยหรือลองมองลึกอาจรู้ได้ว่าบางสิ่งดูผิดแปลก บางครั้งก็สนใจแต่วัตถุอยู่เช่นนั้นซ้ำ ๆ คล้ายตัดขาดจากทุกสิ่ง อาการเหล่านี้นั้นน่าห่วง เฝ้าสังเกตร่วมดูแลเมื่อรู้ว่าลูกเป็นออทิสติก ต้องทำอย่างไร
คำว่า ‘Autism’ มาจากภาษากรีกซึ่งแปลว่า ‘ตัวเอง’ โดยจิตแพทย์ชาวสวิสนามว่า Eugen Bleuler ใช้บรรยายพฤติกรรมของบุคคลที่ละทุกอย่างเพื่อเข้าสู่โลกภายใน ออทิสติกจึงเป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยชอบปลีกตัวอยู่กับตัวเอง ไร้จินตนาการเสมือนหุ่นยนต์
ออทิสติก หรือ ‘โรคออทิซึม’ (ASD: Autism spectrum disorder) เป็นภาวะความผิดปรกติด้านพัฒนาการทางสมองและระบบประสาท ซึ่งส่งผลถึงพัฒนาการทางภาษา การสื่อสารและการปฏิสัมพันธ์กับคนรอบข้าง รวมถึงแสดงพฤติกรรมที่มีแบบแผนและจดจ่อกับสิ่งใดสิ่งหนึ่งซ้ำ ๆ ซึ่งมีหลากหลายกลุ่มอาการย่อยตามระดับสเปกตรัม
เมื่อเข้าสู่วัยรุ่นอาจมีปัญหาเรื่องการปรับตัวในสังคม จึงเกิดความแปลกแยกและถูกกลั่นแกล้งได้ง่าย ซึ่งส่งผลให้เกิดภาวะเครียดและซึมเศร้า
แม้ไม่มีสาเหตุของโรคที่แน่ชัด แต่มีหลายปัจจัยที่ส่งผลให้เกิดภาวะออทิซึม ได้แก่
ออทิซึมเป็นหนึ่งโรคที่ถ่ายทอดผ่านพันธุกรรม บางรายเกิดจากพ่อแม่มีลูกช่วงอายุมาก จึงมีโอกาสเสี่ยงสูง โดยออทิซึมจะเกิดกับเด็กผู้ชายมากกว่าเด็กผู้หญิง เมื่อตรวจจะพบความบกพร่องทางสมอง โดยเฉพาะส่วนที่เชื่อมต่อกับการใช้ทักษะทางสังคมและอารมณ์
ทั้งสภาพแวดล้อมรอบตัวที่เป็นพิษ อุบัติเหตุก่อน ระหว่างและหลังเกิดล้วนส่งผลต่อเด็กโดยตรง เช่น การขาดออกซิเจนระหว่างคลอด การคลอดก่อนกำหนด เคมีในร่างกายที่ไม่สมดุล ลูกได้รับสารตะกั่วหลังคลอด เมื่อเติบโตขึ้นมีโอกาสเป็นภาวะออทิซึม
แม้ไม่ได้เป็นออทิสติกซึ่งมีพัฒนาการทางสมองที่ผิดปรกติแต่กำเนิดก็สามารถเป็นออทิสติกได้ หากเด็กอยู่สภาวะแวดล้อมและการดูแลที่ไม่เหมาะสม ก็สามารถก่อเกิดภาวะนี้ได้ ‘ออทิสติกเทียม’ เป็นภาวะที่เด็กขาดการปฏิสัมพันธ์จนมีพัฒนาการสื่อสารและทางสังคมที่ล่าช้า หากหมั่นเอาใจใส่ เล่นและพูดคุยกับเด็กก็กลับเป็นปรกติได้
แพทย์เริ่มซักถามประวัติก่อนใช้วิธีสังเกตพฤติกรรม ปฏิสัมพันธ์กับเด็กและเปรียบเทียบพัฒนาการในด้านต่าง ๆ ในแต่ละช่วงวัยกับเด็กคนอื่น เบื้องต้นพ่อแม่สามารถสังเกตเห็นความผิดแปลกของลูกได้ตั้งแต่ 1 ขวบ
โดยทั่วไปสามารถแบ่งเป็น 3 ระดับ ดังนี้
คนที่เป็นโรคออทิซึมมักมีอาการร่วม เช่น โรคลมชัก โรคซึมเศร้า วิตกกังวล หรือมีภาวะสมาธิสั้นร่วม บางรายมีปัญหาด้านการนอนหลับและการทำร้ายตัว ดังนั้นแพทย์และผู้ปกครองจึงต้องดูแลอย่างใกล้ชิด
ที่มา: องค์การอนามัยโลก (WHO)
แพทย์เลือกใช้ยาปรับการทำงานของสารสื่อประสาทเพื่อควบคุมพฤติกรรมแสดงออก โดยทั่วไปแพทย์จะใช้การบำบัดร่วมตามสภาพปัญหา เนื่องจากเป็นโรคด้านพัฒนาการ
อรรถบำบัดเป็นวิธีบำบัดในด้านการผิดปรกติด้านการสื่อความหมาย เพื่อพัฒนาการเข้าใจภาษาและการพูด ซึ่งยังสามารถใช้บำบัดร่วมกับผู้ที่สูญเสียภาวะการสื่อความหมายจากโรคหลอดเลือดสมอง
แพทย์จะใช้พลวัตกลุ่มเข้าช่วยบำบัด เพื่อเสริมทักษะทางสังคมเชิงบวกและทักษะช่วยเหลือตัวเองเพื่อให้เด็กกล้าสื่อสาร แสดงออกซึ่งความต้องการและปรับตัวอยู่ร่วมกับผู้อื่น
เปิดพื้นที่ให้เด็กได้ฝึกสร้างปฏิสัมพันธ์กับผู้อื่นผ่านกระบวนการเล่น แพทย์จะเริ่มใช้โปรแกรมกิจกรรมบำบัดเฉพาะเด็กพิเศษ เพื่อใช้กระตุ้นพัฒนาการเด็ก ทั้งยังให้ผลดีแก่เด็กได้ฝึกกล้ามเนื้อและใยประสาทสมองให้ทำงานได้ดียิ่งขึ้น
หลังได้รับการบำบัดและรักษาจากกุมารแพทย์ ผู้ปกครองควรร่วมช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่ส่งเสริมการเรียนรู้ เช่น การอ่านนิทานภาพ
อ่านเพิ่มเติม: กิจกรรมบำบัด กับการพัฒนาการเด็กพิเศษ
‘อูยองอู’ แม้อ่านกลับหลังก็ยังได้ความเดิม และเป็นหนึ่งตัวแทนกลุ่มผู้เป็นโรคออทิสติก บางครั้งเราอาจไม่รู้ว่าออทิสติกแฝงเร้นอยู่ในคนปรกติ หลายครั้งแม้จะนิ่งเหมือนไม่รู้ก็แฝงด้วยอัจฉริยภาพเกินกว่าคนทั่วไปจะรับรู้ ทุกอย่างล้วนกลับสลับไปมา ซุกซ่อนและรอวันเผยในวันที่เรามาถูกทาง
แผนกเด็ก โรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมใส่ใจพัฒนาเด็กให้เติบโตให้อยู่ร่วมในสังคมได้เป็นสุข ภายใต้การดูแลของนักจิตวิทยาคลินิก นักกิจกรรมบำบัดและกุมารแพทย์ชำนาญเฉพาะด้านพฤติกรรมเด็ก โดยเชื่อเสมอว่าเด็กทุกคนล้วนมีความพิเศษซุกซ่อนอยู่ รอวันเฉิดฉายได้ หากดูแลเขาอย่างถูกต้อง
กุมารเวชศาสตร์, พัฒนาการและพฤติกรรมเด็ก