Messenger

8 พฤติกรรมเสี่ยงโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

July 08 / 2025

หมอนรองกระดูกเสื่อม เสี่ยง

 

 

     โรคหมอนรองกระดูกเสื่อมสามารถเกิดได้ไม่ว่าบุคคลนั้นจะมีอายุเท่าไหร่ แม้ผู้อ่านจะมีอายุน้อยอยู่ก็มีโอกาสเสี่ยงเป็นโรคดังกล่าวได้เช่นกัน หากวันนี้เราไม่ริเริ่มดูแลตัวเองให้ดี แพทย์จึงอยากพาผู้อ่านสำรวจ 7 พฤติกรรมเสี่ยงที่หากรู้ก่อน เราก็ยังพอลดเลี่ยงได้

 

สัญญาณแบบไหนที่เข้าข่ายโรคหมอนรองกระดูกเสื่อม

1. มีอาการปวดจนใช้ชีวิตประจำวันลำบาก

     ร่างกายเริ่มส่งสัญญาณผิดปรกติผ่านอาการปวดหลังเรื้อรัง หมอนรองกระดูกสันหลังเริ่มขาดความยืดหยุ่นเนื่องจากปริมาณน้ำหล่อเลี้ยงลดลง ซึ่งส่งผลให้เกิดอาการปวดหลังทุกครั้งที่ขยับร่างกาย อาการนี้จัดเป็นช่วงแรกเริ่มของตัวโรค โดยเริ่มจากอาการเป็น ๆ หาย ๆ ก่อนแปรเป็นอาการปวดตลอดเวลา

 

2. รู้สึกปวดร้าวลงแขนขาหรือเกิดอาการชา

     เมื่อตัวโรคเริ่มพัฒนาเข้าสู่ระยะกลาง ผู้ป่วยจะเริ่มปวดร้าวที่ช่วงคอลงไปถึงแขนหากมีอาการที่หมอนรองกระดูกคอ กรณีที่มีอาการที่หมอนรองกระดูกส่วนเอว ผู้ป่วยอาจมีอาการปวดหลังร้าวลงขาจนถึงเท้าและเริ่มรู้สึกชาร่วม เนื่องจากหมอนรองกระดูกเริ่มแตกหรือเคลื่อนออกมากดทับเส้นประสาท ทำให้เกิดการอักเสบ

 

3. กล้ามเนื้ออ่อนแรง

     กล้ามเนื้อเริ่มอ่อนแรง แขนหรือขา ทำให้เวลาเดินลงน้ำหนักหรือหยิบจับสิ่งของก็ทำได้ไม่ถนัด บางกรณีมีอาการร่วมกับโพรงกระดูกสันหลังตีบแคบ (Spinal Stenosis) ทำให้เดินไม่ได้ไกล

 

4. ควบคุมระบบขับถ่ายลำบาก

     หลังจากเกิดภาวะหมอนรองกระดูกทับเส้นประสาทเป็นเวลานาน ผู้ป่วยอาจมีปัญหาเรื่องการขับถ่าย  เนื่องจากเส้นประสาทเสื่อมสภาพอย่างรุนแรง ซึ่งควรเข้ารับการรักษาจากแพทย์ภายใน 48 ชั่วโมง

 

อ่านเพิ่มเติม: หมอนรองกระดูกเสื่อมคืออะไร มีกี่ระยะ พร้อมแนะนำวิธีรักษา

 

8 พฤติกรรมที่เพิ่มโอกาสเสี่ยงหมอนรองกระดูกเสื่อม

1. การนั่งท่าเดิมนาน

     การนั่งด้วยท่าเดิมนานส่งผลให้หมอนรองกระดูกได้รับแรงกดทับมากเกินไปและยังเร่งหมอนรองกระดูกเสื่อมสภาพ กรณีนี้ควรปรับเปลี่ยนอิริยาบถให้บ่อยขึ้นในทุก ๆ 15 - 30 นาที เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูก

 

 

 

หมอนรองกระดูกเสื่อม

 

2.  การยกของผิดท่า

     การยกของหนักหรือยกของในท่าทางที่ผิดจะทำให้กระดูกสันหลังได้รับแรงกดที่มากเกินไป ทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมหรือบาดเจ็บได้

 

3.  การออกกำลังกายที่มีแรงกระแทกสูง

     แม้การออกกำลังกายเป็นการสร้างเสริมสุขภาพกายและใจให้แข็งแรง แต่หากออกกำลังหักโหม ไม่เหมาะสมหรือไม่ได้เตรียมพร้อมร่างกายมาก่อนก็ส่งผลเสียกับเราได้เหมือนกัน ดังนั้น เราควรเตรียมพร้อมร่างกายให้เหมาะสมกับประเภทการออกกำลังก่อนทุกครั้งเพื่อป้องกันการบาดเจ็บและลดการเสื่อมสภาพของหมอนรองกระดูก

 

4.  การไม่ออกกำลังกาย

     การไม่ออกกำลังกายทำให้ร่างกายมีกล้ามเนื้อไม่แข็งแรง ซึ่งทำให้ประสิทธิภาพของการพยุงรับแรงจากหมอนรองกระดูกลดลง แรงกระทำจึงส่งตรงถึงกระดูกและเกิดความเสื่อมที่มากกว่าคนที่มีกล้ามเนื้อที่แข็งแรง ดังนั้นการออกกำลังกายที่ช่วยเสริมความแข็งแรงและความยืดหยุ่นอย่างโยคะ พิลาทิส และอื่น ๆ สามารถช่วยลดทอนปัญหาดังกล่าว

 

5.  การบิดหรือเอี้ยวตัวอย่างรุนแรง

     การบิดหรือเอี้ยวตัวกรณีที่มีอาการปวดหลังเรื้อรังอยู่แล้ว อาจทำให้หมอนรองกระดูกได้รับความเสียหายได้  ดังนั้นควรปรึกษาแพทย์เฉพาะทางหากมีอาการปวดรุนแรง

 

 

หมอนรองกระดูกเสื่อม

 

 

6.  การแบกของหนัก

     การแบกของที่หนักเกินไปหรือต่อเนื่องเป็นเวลานานทำให้กระดูกสันหลังรับแรงกดจากน้ำหนักที่มากกว่าปรกติซ้ำ ๆ ซึ่งอาจทำให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วกว่าปกติ

 

7.  การสูบบุหรี่และการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์

     การสูบบุหรี่ไม่เพียงแต่ทำลายสุขภาพโดยรวม แต่ยังทำให้คอลลาเจนซึ่งเป็นส่วนประกอบของหมอนรองกระดูกเกิดเสื่อมสภาพ ทำให้หมอนรองกระดูกขาดความยืดหยุ่นและเพิ่มโอกาสบาดเจ็บ นอกจากนี้การสูบบุหรี่ร่วมกับการดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ล้วนส่งผลให้ประสิทธิภาพของการดูดซึมแคลเซียมในร่างกายเสื่อมถอยลง

 

8.  การมีน้ำหนักตัวมาก

     งานศึกษาได้พบว่าบุคคลที่เป็นโรคอ้วนมีแนวโน้มเป็นโรคหมอนรองกระดูกเสื่อมมากกว่า เมื่อหน้าท้องซึ่งเป็นแกนกลางของสรีระเกิดมีน้ำหนักมาก ไม่ว่าจะยืน เดิน ก้มเงยหรือแอ่นตัวย่อมเป็นภาระให้กระดูกสันหลังรับน้ำหนักเพิ่มขึ้น ซึ่งสุ่มเสี่ยงให้หมอนรองกระดูกเสื่อมเร็วก่อนเวลาอันควร

 

การดูแลสุขภาพที่ครอบคลุมจากแพทย์ของเรา

     ‘ตอบโจทย์ทุกความต้องการ เชี่ยวชาญทุกการดูแล’ เป็นคติประจำใจจากโรงพยาบาลรามคำแหงที่ยึดถือนับจากนี้และอนาคต เราพร้อมโอบกอดคุณที่ป่วยไข้และกลับมาแข็งแรงอีกครั้งด้วยการดูแลสุขภาพซึ่งครอบคลุมจากแพทย์ชำนาญเฉพาะ มอบความหวังสู่ชีวิตให้คุณได้ลืมตารับวันใหม่อย่างมีความสุข.. อีกครั้งหนึ่ง