นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช
ประสาทศัลยศาสตร์
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
สมองถือเป็นอวัยวะสำคัญของร่างกายที่ช่วยส่งสัญญาณในการดำเนินชีวิตในด้านต่าง ๆ จึงไม่แปลกที่ทุกครั้งหากมีอะไรเกิดขึ้นกับสมอง เมื่อเรารู้ว่าเกิดเนื้องอกในสมอง เรามักกังวลว่าชีวิตจะเป็นอย่างไร ซึ่งแน่นอนว่าผู้ป่วยที่ได้รับการวินิจฉัยว่ามีเนื้องอกในสมองมักส่งความรู้สึกด้านลบเหล่านี้ออกมาให้ผมสัมผัสได้ ในฐานะของหมอศัลยกรรมประสาท การรักษาโรคเนื้องอกในสมองต้องเริ่มต้นจากการคลายกังวลต่อโรคก่อน คลายความสงสัยว่ามันมาจากไหน? รักษาได้ไหม?
หากตัวท่านเองหรือญาติพบว่ามีเนื้องอกในสมอง อย่าลืมหายใจเข้าออกช้า ๆ ทำใจให้สบาย และมีสติ เพราะมันคือ จุดเริ่มต้นที่สำคัญของการรักษา และเดี๋ยวผมจะเฉลยว่ามันสำคัญอย่างไรครับ
ผมจะบอกผู้ป่วยเสมอว่า เนื้องอกในสมองมี 2 แบบ
หากท่านไม่มีประวัติเป็นมะเร็งในร่างกาย จากสถิติจะพบว่าราว 70 เปอร์เซ็นต์ของเนื้องอกในสมองนั้น เป็นเนื้องอกแบบดี หลังวินิจฉัยแล้ว แพทย์จะพยายามระบุชนิดของเนื้องอกให้ชัดเจน ปัจจุบันสามารถแบ่งย่อยได้ถึง 130 ชนิด โดยในการระบุเบื้องต้น ผมขอแบ่งออกเป็น 2 แบบคร่าว ๆ คือ
ความต่างของชนิดเนื้องอกทำให้แผนการรักษาและการพยากรณ์โรคแตกต่างกัน การจะยืนยันชนิดของเนื้องอกต้องอาศัยการตรวจชิ้นเนื้อ ดังนั้น ความเห็นของแพทย์ก่อนที่จะได้ผลชิ้นเนื้อ มาจากความน่าจะเป็นที่ได้จากประวัติและภาพเอกซเรย์ว่าเนื้องอกของคุณน่าจะเป็นแบบไหน
ปัจจุบันเมื่อความรู้ทางด้าน Epigenetic (กลไกที่เกิดขึ้นก่อนระดับพันธุกรรมที่มีผลต่อยีน) มีมากขึ้น เราจึงพบว่าปัจจัยดังกล่าวอาจส่งผลให้เกิดเนื้องอกในสมองได้ โดยสาเหตุสำคัญคือวิธีการใช้ชีวิต (Lifestyle) ยุคใหม่ที่เต็มไปด้วยความเครียด ซึ่งความเครียดนั้นสามารถส่งสัญญาณให้เกิดการหลั่งฮอร์โมนความเครียด
ความเครียดมีผลให้เซลล์เกิดความผิดปกติ และกำจัดเซลล์ผิดปกติของร่างกายได้ลดลง ท้ายที่สุดจะมีผลต่อการเจริญเติบโตของเนื้องอกได้ ดังนั้นการผ่อนคลายความเครียดจึงเป็นการเตรียมพร้อมอย่างแรกต่อสู้กับโรคเนื้องอกในสมองได้เป็นอย่างดี
เนื่องจากหลอดเลือดของผู้ที่มีเนื้องอกในสมองถูกกดทับ หรือถูกดึงรั้งจากเนื้องอก ผู้ป่วยจึงมักมีอาการคลื่นไส้ ไม่สบายท้อง ร่วมกับ “อาการปวดศีรษะ” โดยมักเกิดขึ้นในตอนเช้า สิ่งที่เกิดข้างต้นนี้เป็นอาการร่วมโดยทั่วไปที่พบได้ทั้ง "เนื้องอกธรรมดาและเนื้อร้าย” โดยจะมีอาการปวดศีรษะตั้งแต่ปานกลางถึงรุนแรงมาก และมีอาการเป็น ๆ หาย ๆ โดยลักษณะอาการมักแตกต่างกันไปตามตำแหน่งและขนาดของเนื้องอก อาการที่พบได้ทั่วไป คือ
หากพบว่ามีอาการปวดศีรษะในลักษณะดังกล่าว ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุ
ปัจจุบันใช้การวัดระดับของเนื้องอกตามลำดับการเจริญเติบเป็นหลัก Who Classification ระบุเป็น WHO grade ตั้งแต่ระดับ 1-4 โดยระดับ 1 คือ เนื้องอกที่ไม่อันตรายและเติบโตช้า ส่วนระดับ 4 คือเซลล์มะเร็งที่เติบโตอย่างรวดเร็วหรือมีการลุกลาม
เบื้องต้นแพทย์จะถามประวัติ ตรวจร่างกาย และตรวจหาเนื้องอกด้วยการสแกนสมองด้วยเครื่องตรวจเอกซเรย์คอมพิวเตอร์ (CT Scan) หรือวินิจฉัยโรคด้วยคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้า (MRI) เพื่อดูขนาดของเนื้องอกและรายละเอียดโดยรอบ
เนื้องอกในสมองรักษาได้ ทว่าผลการรักษานั้นขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด และตำแหน่ง โดยการรักษาแบ่งออกเป็น 3 วิธีดังนี้
การเฝ้าติดตามเพื่อดูขนาดและพฤติกรรมของเนื้องอกในสมองอย่างใกล้ชิด แพทย์มักพบเนื้องอกในสมองโดยบังเอิญในผู้ป่วยกลุ่มนี้จากการตรวจด้วย CT หรือ MRI และไม่มีอาการผิดปกติ เนื้องอกในสมองประเภทนี้มักอยู่มานานและไม่มีผลต่อการใช้ชีวิตของผู้ป่วย
การผ่าตัดเป็นวิธีที่มีความจำเป็นในกรณีที่เนื้องอกมีอาการผิดปกติ หรือ เป็นเนื้อดีที่ผ่านการเฝ้าติดตามแต่มีขนาดใหญ่ขึ้น ปัจจุบัน มีการผ่าตัดผ่านกล้องแผลเล็ก หรือ Minimally Invasive Surgery ซึ่งเหมาะสำหรับเนื้องอกในสมองบางชนิด โดยจะใช้ร่วมกับการใช้เครื่องมือช่วยนำทาง (Navigator) ทำให้การผ่าตัดแม่นยำและปลอดภัย
การรักษาโดยไม่ต้องผ่าตัดเป็นการรักษาด้วยวิธีการอื่น ๆ ทั้งนี้วิธีการรักษาขึ้นอยู่กับชนิด ขนาด ตำแหน่ง อายุ และความแข็งแรงของผู้ป่วย โดยวิธีการรักษานี้มักใช้เป็นวิธีทางเลือก หรือใช้ควบคู่กับการผ่าตัดมากกว่า
หลังจากทราบถึงวิธีการรักษา หลายท่านอาจยังสงสัยว่าผลการรักษาเป็นอย่างไร ? มีโอกาสหายขาดหรือไม่ ? การศึกษาพบว่าเนื้องอกในสมองหลายชนิดสามารถรักษาให้หายขาดได้ และมีโอกาสน้อยที่ผู้ป่วยจะกลับมาเป็นอีก ผมจึงอยากให้ทุกท่านสบายใจและเตรียมพร้อมสำหรับการรักษาในทุกขั้นตอน
ก่อนการนัดหมายพบแพทย์ ผู้ป่วยควรเตรียมข้อมูลให้พร้อม เช่น
เนื่องจากสาเหตุของเนื้องอกในสมองยังไม่ทราบเป็นที่แน่ชัด แนวทางการป้องกันจึงทำได้เพียงดูแลสุขภาพ รวมถึงหลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิดมะเร็ง อาทิ
อาการปวดหัวเป็นอาการที่พบได้ทั่วไปของผู้ที่มีเนื้องอกในสมอง แต่อาการมักจะรุนแรงมากกว่าอาการปวดหัวทั่วไป และเกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว รับประทานยาแล้วไม่ทุเลา อีกทั้ยังอาจรู้สึกคลื่นไส้ร่วมด้วย โดยมักมีอาการรุนแรงในช่วงเช้าเนื่องจากเนื้องอกจะบวมขึ้นขณะหลับ
อาการแทรกซ้อนของเนื้องอกในสมอง อาจส่งผลร้ายแรงหรือความเสียหายที่นำไปสู่ความพิการของร่างกาย โดยอาการแทรกซ้อนที่พบเป็นส่วนใหญ่ได้แก่ การสูญเสียความจำ ปัญหาในการมองเห็น การได้ยิน การพูดหรือการดมกลิ่น ในบางรายอาจมีอาการชัก แขนขาอ่อนแรง อัมพาตครึ่งล่าง หรือมีปัญหาด้านกระเพาะปัสสาวะและลำไส้ รวมไปถึงโอกาสเกิดโรคปอดอักเสบ
โรคเนื้องอกในสมองแบบไม่ดี (เนื้อร้าย) สามารถกลับมาเป็นได้ แต่โดยส่วนใหญ่ เนื้องอกที่กลับมาเป็นซ้ำมักจะอยู่ใกล้เคียงตำแหน่งเดิม มีเพียงบางรายที่อาจพบในบริเวณอื่น ดังนั้น ผู้ป่วยที่รักษาหายแล้วจึงควรพบแพทย์ตามนัดเพื่อติดตามอาการอย่างสม่ำเสมอ
เนื้องอกในสมองนั้นสามารถรักษาได้ แต่ผลของการรักษาเนื้องอกในสมองนั้นอาจจะมีความต่างกันแล้วแต่ชนิด ตำแหน่ง และขนาด ของเนื้องอก นอกจากนี้ประเด็นสำคัญที่ควรต้องทราบหลังจากได้รับการวินิจฉัยโรคเนื้องอกในสมองนะครับ คือ
อย่าลืมดูแลใจให้เข้มแข็งไว้นะครับ เมื่อเรามีสติ เราจะเข้าใจบางอย่างได้ดีขึ้นและมีความสุข
ประสาทศัลยศาสตร์