แผลเบาหวาน อันตรายอย่างไร ผู้ป่วยเบาหวานป้องกันไว้สบายใจกว่า

January 31 / 2025

สาเหตุของแผลเบาหวาน

 

 

     คงไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับผู้ป่วยเบาหวานที่มักเกิดข้อสงสัยว่า แผลเบาหวาน เกิดขึ้นได้อย่างไร แล้วใครบ้างที่เสี่ยงต่อการเกิดแผลดังกล่าว ในปัจจุบันการเกิดแผลจากเบาหวานนับเป็นภาวะแทรกซ้อนอันดับต้น ๆ ของผู้ป่วยโรคเบาหวาน การเรียนรู้ถึงปัจจัยความเสี่ยงในการเกิดบาดแผล รวมถึงวิธีการเตรียมตัวรับมืออย่างมีประสิทธิภาพจึงถือเป็นสิ่งสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม เพราะหากละเลยที่จะใส่ใจถึงภัยแผลเบาหวานแล้ว ก็อาจทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง บาดแผลลุกลาม นำมาซึ่งการสูญเสียอวัยวะได้

 

3 สาเหตุหลักของการเกิดแผลเบาหวาน

3 สาเหตุหลักของการเกิดแผลเบาหวาน ได้แก่

 

1.  ภาวะปลายประสาทเสื่อม

     ภาวะปลายประสาทเสื่อม เป็นสาเหตุสำคัญต้น ๆ ของการเกิดแผลเบาหวาน โดยผู้ป่วยเบาหวานมักจะมีอาการชา หรือสูญเสียการรับรู้ถึงความเจ็บปวดบริเวณปลายอวัยวะต่าง ๆ โดยเฉพาะบริเวณเท้าเนื่องจากน้ำตาลในเลือดที่สูงต่อเนื่องมีผลทำให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ ก่อให้เกิดเป็นภาวะเส้นประสาทเสื่อม เมื่อเกิดบาดแผลผู้ป่วยจึงมักไม่รู้ตัว ทำให้แผลเกิดการอักเสบลุกลามมากขึ้น จนนำไปสู่การเกิดแผลเบาหวานได้

 

2.  ความผิดปกติของหลอดเลือด

     ความผิดปกติของหลอดเลือด ก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้เกิดแผลเบาหวานได้เช่นกัน ไม่ว่าเป็นภาวะเส้นเลือดแข็งหรืออุดตัน ก็สามารถเกิดขึ้นได้ทั้งในหลอดเลือดแดงใหญ่และหลอดเลือดฝอย ส่งผลให้เลือดไม่สามารถไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ของร่างกายได้ตามปกติ อาจทำให้เนื้อเยื่อเกิดบาดแผลเนื่องจากขาดเลือดไปเลี้ยง หรือหากเกิดบาดแผลจากสาเหตุอื่นก็ทำให้การสมานแผลจึงเป็นไปได้ยาก เกิดเป็นการอักเสบเรื้อรัง โดยเฉพาะบริเวณปลายนิ้วเท้าหรือส้นเท้า มีโอกาสทำให้เกิดแผลเบาหวานได้

 

3.  ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ

     ภาวะแทรกซ้อนจากการติดเชื้อ อีกหนึ่งสาเหตุหลักของการเกิดแผลเบาหวาน เพราะบาดแผลของผู้ป่วยเบาหวานนั้นมักเกิดการติดเชื้อร่วมด้วย โดยเฉพาะหากเกิดในบริเวณนิ้วเท้าและฝ่าเท้า ซึ่งสัมผัสกับแบคทีเรียได้โดยง่าย และการสมานแผลเป็นไปได้ช้าเนื่องจากเนื้อเยื่อขาดเลือดมาหล่อเลี้ยง ทำให้เกิดความเสี่ยงในการอักเสบลุกลาม หรือหากรักษาไม่หาย และแผลมีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ ก็อาจจำเป็นต้องตัดขาหรือเท้า หรืออวัยวะส่วนนั้น ๆ ออกไป

 

 

แผลเบาหวาน อาการ

 

 

แผลเบาหวาน เกิดจากโรคเบาหวานชนิดใด และอาการเป็นอย่างไร

     สำหรับผู้ที่สงสัยว่า แผลเบาหวาน เกิดจากโรคเบาหวานชนิดใด และอาการเป็นอย่างไร สามารถอธิบายได้ว่า แผลเบาหวาน ถือเป็นภาวะแทรกซ้อนจากโรคเบาหวานที่เกี่ยวข้องกับระบบประสาทและหลอดเลือด สาเหตุหลักมาจากการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้หลอดเลือดเกิดความเสียหายและระบบประสาททำงานผิดปกติเพราะน้ำตาลในเลือดที่สะสมอยู่เป็นเวลานาน ก่อให้เกิดเป็นภาวะเส้นประสาทเสื่อม และเกิดอาการชา หรือไร้ความรู้สึกโดยเฉพาะบริเวณปลายเท้า

 

ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นแผลเบาหวาน

     ผู้ที่เสี่ยงต่อการเป็นแผลเบาหวาน และควรระมัดระวังการเกิดแผลเบาหวาน คือ ผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เป็นโรคเบาหวานมานาน เพราะยิ่งเป็นโรคเบาหวานมานานเท่าไหร่ ก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดบาดแผลได้มากขึ้นเท่านั้น และโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่เป็นแผลเบาหวานเรื้อรังมานาน 5-10 ปี

 

 

วิธีป้องกันแผลเบาหวาน

 

 

7 วิธีดูแลตัวเองให้ห่างไกลแผลเบาหวาน

7 วิธีการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากการเกิดแผลเบาหวาน มีดังต่อไปนี้

 

1. ตรวจเช็กเท้าตัวเอง

     ตรวจเช็กเท้าตัวเองทุกวันว่ามีความผิดปกติหรือไม่ เช่น มีรอยถลอก รอยบวมแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำใส ขุยขาวที่ซอกนิ้วเท้า ตาปลา และสีเล็บที่ผิดปกติ

 

2. ทำความสะอาดเท้าทุกวัน

     ทำความสะอาดเท้าทุกวันและเช็ดเท้าให้แห้งสนิททุกครั้ง เพื่อป้องกันการติดเชื้อบริเวณเท้า

 

3. ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น

     ทาครีมเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้น ป้องกันเท้าแห้งแตก แต่ควรงดเว้นการทาครีมที่บริเวณซอกนิ้วเพื่อป้องกันการอับชื้นและการติดเชื้อ

 

4. ตัดเล็บเท้าด้วยความระมัดระวัง

     ตัดเล็บเท้าด้วยความระมัดระวังและดูแลไม่ให้เล็บยาวหรือสั้นจนเกินไป

 

5. ควรสวมถุงเท้าที่สะอาด

     ควรสวมถุงเท้าที่สะอาด ไร้ตะเข็บ ระบายอากาศได้ดี ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการเสียดสีของเท้า

 

6. เลือกสวมรองเท้าที่ถูกสุขลักษณะ

     เลือกสวมรองเท้าที่ถูกสุขลักษณะ ควรเลือกรองเท้าให้มีขนาดพอดีและสวมใส่สบาย ทั้งขณะเดินในบ้านและนอกบ้าน

 

7. ออกกำลังกายบริหารเท้า

     ออกกำลังกายบริหารเท้า เพื่อให้เลือดไหลเวียนดีขึ้น

 

หากผู้ป่วยเบาหวานเกิดแผลที่เท้า จะเป็นแผลเบาหวานหรือไม่? และควรปฏิบัติตัวอย่างไร

     เนื่องจากแผลเบาหวาน เกิดได้จากหลายสาเหตุ และบางครั้งจำเป็นต้องอาศัยการวินิจฉัย และการรักษาที่ซับซ้อน เพื่อป้องกันไม่ให้แผลลุกลามจนต้องตัดขาหรือเท้า ดังนั้นหากผู้ป่วยเบาหวานตรวจพบว่ามีแผลเกิดขึ้น ควรรีบทำความสะอาดแผลด้วยน้ำยาฆ่าเชื้อหรือน้ำเกลือปลอดเชื้อและปิดผ้าก๊อซที่สะอาด หลีกเลี่ยงการกระทบกระแทก เสียดสีหรือสัมผัสกับสิ่งแวดล้อม และควรทำความสะอาดแผลทุกวัน หากพบว่าแผลไม่ดีขึ้นภายใน 2-3 วัน ควรรีบไปแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อให้ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงที