เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
หลายคนคงรู้จักว่า ‘ไต’ คือ อวัยวะภายในที่ช่วยขับของเสียของร่างกาย แต่น้อยคนจะทราบว่าแท้จริงแล้ว ไตยังมีหน้าที่ควบคุมน้ำ รักษาสมดุลของเกลือแร่ในร่างกาย รวมถึงยังมีหน้าที่ผลิตฮอร์โมนต่าง ๆ จึงไม่แปลกที่เมื่อไตเกิดความปกติ ก็จะส่งผลกระทบต่อระบบต่าง ๆ ของร่างกายหลายส่วน ดังนั้นหมอเฉพาะทางโรคไตของโรงพยาบาลรามคำแหงมีความเห็นว่าควรหันมาเริ่มดูแลสุขภาพไตเพื่อช่วยให้กระบวนการต่าง ๆ ของไตเป็นไปอย่างราบรื่น เพื่อการป้องกันไตวายขั้นสุดท้าย ซึ่งต้องรักษาโดยการล้างไตไปตลอดชีวิต
ไตเป็นอวัยวะที่มีรูปร่างคล้ายเม็ดถั่วเหลือง วางอยู่บริเวณกลางหลังด้านซ้ายและขวาข้างละ 1 อัน โดยไตทั้ง 2 ด้านทำหน้าที่เปรียบเสมือนเครื่องกรองชนิดพิเศษสำหรับดำรงชีวิต นอกจากไตมีหน้าที่ขับของเสียออกจากร่างกายในรูปของปัสสาวะอย่างที่เราทราบกันดีแล้ว ไตยังมีหน้าที่สำคัญอื่นอีกหลายอย่าง
ไตยังมีหน้าที่ควบคุมความดันโลหิตโดยการสร้างเอนไซม์เรนินเข้าไปในกระแสเลือดเพื่อช่วยควบคุมระดับความดันโลหิตให้คงที่
ไตยังช่วยรักษาสมดุลของน้ำและเกลือในร่างกายรวมถึงภาวะความเป็นกรด-ด่างในเลือด หากไตไม่สามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จะส่งผลให้เกิดภาวะเลือดเป็นกรด ซึ่งทำให้อวัยวะในร่างกายทำงานไม่เป็นปกติ
ไตยังควบคุมการสร้างเม็ดเลือดแดงในร่างกายโดยการผลิตฮอร์โมนอีริโทรโพอิติน (Erythropoietin) ซึ่งมีหน้าที่ช่วยให้ร่างกายมีเลือดไปเลี้ยงส่วนต่าง ๆ ได้อย่างเพียงพอ รวมถึงช่วยลดโอกาสในการเกิดภาวะโลหิตจาง
ไตกระตุ้นการทำงานของวิตามินดี เมื่อร่างกายมีวิตามินดีที่พอเพียงกับความต้องการของร่างกายแล้ว ก็จะสามารถช่วยให้ร่างกายดูดซึมแคลเซียม ฟอสฟอรัส ไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งส่งผลให้กระดูกมีความแข็งแรง
ไตวายเรื้อรังกับไตวายเฉียบพลันแตกต่างกันตรงที่อาการของภาวะไตวายเฉียบพลันจะเกิดขึ้นภายในชั่วโมง วัน หรือสัปดาห์ แต่เมื่อเป็นแล้วสามารถรักษาให้หายได้หากรักษาทันเวลา ดังนั้น ผู้ป่วยจึงควรรีบเข้าพบหมอเฉพาะทางโรคไตในทันทีที่มีอาการเพื่อรับการรักษาอย่างถูกวิธีและทันท่วงที
ขณะเดียวกันอาการของผู้ป่วยที่มีภาวะไตวายเรื้อรังจะค่อย ๆ แย่ลงตามลำดับเพราะไตจะค่อย ๆ สูญเสียการทำงานทีละน้อยอย่างต่อเนื่อง หมอเฉพาะทางโรคไตบอกว่า ผู้ป่วยมักไม่ทันสังเกตอาการจนเมื่อความผิดปกติเริ่มเด่นชัด หรือเมื่อไตทำงานได้น้อยกว่าร้อยละ 50 โดยภาวะไตเรื้อรังนี้ไม่สามารถรักษาให้หายได้ และอาจนำไปสู่ภาวะไตวาย
การรักษาอาจทำได้ด้วยการบำบัดทดแทนไตเพื่อประคับประคองอาการด้วยการฟอกเลือดหรือล้างหน้าท้อง รวมถึงวิธีการผ่าตัดปลูกถ่ายไต ซึ่งสามารถช่วยให้ผู้ป่วยกลับมามีคุณภาพชีวิตที่ดีกว่าการรักษาในรูปแบบอื่น ๆ
ระยะของโรคไตเรื้อรังหมอเฉพาะทางโรคไต ได้แบ่งออกได้เป็น 5 ระยะตามอัตราการกรอง หรือค่า GFR (Glomerular Filtration Rate) ซึ่งวัดจากปริมาณเลือดที่ไหลผ่านตัวกรองของไตในหนึ่งนาที (มล./นาที/1.73 ตร.ม.)
การดูแลให้ไตทำงานอย่างมีประสิทธิภาพถือเป็นการช่วยลดและชะลอความเสื่อมตามอายุที่เพิ่มขึ้นได้ โดยหมอเฉพาะทางโรคไต มีแนวทางในการปฏิบัติตนต่าง ๆ ดังนี้