เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
สถานการณ์ในปัจจุบัน ทำเอาหลายๆ คนที่ทำงานต้องวิตกกังวล ว่าจะมีงานทำต่อหรือไม่ หรือต้องพักงานยาวเพราะสภาพเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ซึ่งแน่นอนว่าช่วงนี้หลายคนในวัยทำงานอาจมีความทุกข์หลายอย่างเกิดขึ้นในชีวิต เช่น เครียด หดหู่ ขาดแรงจูงใจในการทำงาน ร่างกายอ่อนแรง ไม่มีสมาธิ ฯลฯ จนทำให้เกิดความกังวลว่าตัวเองมีอาการเข้าข่ายโรคซึมเศร้าหรือเปล่า!
แต่แท้จริงแล้วอาการเหล่านี้อาจไม่ได้เป็นตัวชี้วัดถึงภาวะซึมเศร้าได้ชัดเจนเสียทีเดียว แต่อาจเป็นตัวชี้วัดว่าคุณกำลังอยู่ในภาวะหมดไฟ (Burnout) ในการทำงานเท่านั้น
ภาวะหมดไฟในการทำงาน (Burnout Syndrome) คือการเปลี่ยนแปลงด้านจิตใจอันเนื่องจากความเครียดเรื้อรังในการทำงาน โดยมีอาการหลัก ได้แก่ ขาดความมั่นใจและแรงจูงใจในการทำงาน รู้สึกเหนื่อยล้าทางอารมณ์ รู้สึกด้อยค่าในความสามารถของตน และรู้สึกท้อแท้ว่าตนไม่มีทางประสบความสำเร็จได้ สุดท้ายมีความคิดเชิงลบกับคนในที่ทำงาน ทำให้รู้สึกเหินห่างจากคนอื่นไม่ว่าจะเป็นเพื่อนร่วมงาน เจ้านาย หรือลูกค้า
โดยผู้ที่มีอาการหมดไฟในการทำงานจะมีความรู้สึกในลักษณะของการทำงานในรูปแบบที่
ระยะเวลาก่อนหมดไฟในการทำงานนั้นจะแบ่งออกได้ 5 ระยะ ดังนี้
อย่างไรก็ตาม หากภาวะหมดไฟไม่ได้รับการจัดการ อาจส่งผลด้านต่างๆ เช่น ผลด้านร่างกายอาจพบอาการเหนื่อยล้าเรื้อรัง ปวดเมื่อย ปวดศีรษะ ผลด้านจิตใจ บางคนอาจสูญเสียแรงจูงใจ หมดหวัง รู้สึกหมดหนทางที่จะช่วยให้ดีขึ้น ส่งผลให้มีอาการของภาวะซึมเศร้า และอาการนอนไม่หลับได้ ส่งผลต่อการทำงาน อาจขาดงานบ่อย ประสิทธิภาพการทำงานลดลง หรืออาจคิดเรื่องลาออกในที่สุด
อาการหมดไฟจากการทำงานอาจไม่ร้ายแรงถึงขั้นเป็นโรคซึมเศร้า แต่หากปล่อยไว้นาน โรคซึมเศร้าอาจตามมา ส่งผลให้เป็นปัญหาเรื้อรังของคนวัยทำงานหากขจัดปัญหาด้วยตัวเองไม่ได้ปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเป็นวิธีที่ดีที่สุด
แก้ไข
10/03/2565