ใจสั่น หัวใจเต้นเร็ว หรือรู้สึกเหมือนหัวใจจะหลุดออกมาจากอก อาการเหล่านี้อาจทำให้คุณตกใจและกังวลว่าจะเป็นโรคหัวใจ แต่รู้หรือไม่ว่าอาการเหล่านี้ อาจเกิดจากสาเหตุอื่นที่ไม่ใช่โรคหัวใจได้ เช่น โรคแพนิค วันนี้เราจะมาไขข้อข้องใจเกี่ยวกับความแตกต่างระหว่างอาการใจสั่นที่เกิดจากโรคแพนิคและภาวะหัวใจเต้นที่ผิดจังหวะ เพื่อให้คุณเข้าใจถึงสาเหตุของอาการ และสามารถดูแลสุขภาพได้อย่างถูกต้อง อย่าปล่อยให้ความกังวลเรื่องสุขภาพใจรบกวนคุณ
อาการของโรคแพนิค โรคนี้เป็นความผิดปกติที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกหวาดกลัวหรือตื่นตระหนกอย่างรุนแรง โดยอาการนี้จะเกิดขึ้นกะทันหันและสามารถเกิดขึ้นได้ตลอดเวลา ซึ่งมีความรุนแรงกว่าความเครียดทั่วไป โดยอาการแพนิคมักจะกินเวลา 10-20 นาที แต่บางรายอาจมีอาการนานเป็นชั่วโมง อาการที่พบในผู้ป่วยโรคแพนิค ได้แก่
วิธีรักษาโรคแพนิค สามารถรักษาให้หายขาดได้ด้วยวิธีการหลายอย่าง โดยการรักษาจะเน้นไปที่การควบคุมอาการและป้องกันไม่ให้อาการกำเริบกลับมาอีก ซึ่งประกอบด้วย
ภาวะหัวใจเต้นที่ผิดจังหวะมี 2 ลักษณะ คือ
ผู้ป่วยบางรายอาจมีอาการทั้งสองอย่างพร้อมกัน เช่น หัวใจเต้นเร็วสลับกับเต้นช้า หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ
โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจมีอาการที่หลากหลาย ตั้งแต่ไม่มีอาการจนถึงอาการรุนแรง สัญญาณเตือนที่ควรระวังมี ดังนี้
การมีอาการเหล่านี้ควรปรึกษาแพทย์ทันทีเพื่อตรวจวินิจฉัยและป้องกันความเสี่ยงในการเกิดภาวะแทรกซ้อน
ภาวะใจเต้นผิดจังหวะ คือภาวะที่หัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะตามปกติ อาจเต้นเร็วเกินไป ช้าเกินไป หรือเต้นไม่สม่ำเสมอ ซึ่งแบ่งออกเป็น 2 ประเภทหลักคือ
หัวใจเต้นเร็วเกินไป แบ่งออกเป็นหลายชนิด เช่น
การวินิจฉัยภาวะใจเต้นผิดจังหวะทำได้ยาก เนื่องจากอาการหลากหลายและเกิดขึ้นในระยะเวลาต่างกัน บางชนิดเกิดเพียงเสี้ยววินาทีหรือเป็นหลายชั่วโมง การวินิจฉัยที่ถูกต้องจำเป็นต้องจับคลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) ในขณะที่มีอาการเท่านั้น
คลื่นไฟฟ้าหัวใจ (EKG) เป็นการตรวจเบื้องต้นที่ใช้ในการวินิจฉัยภาวะใจเต้นผิดจังหวะ โดยการบันทึกสัญญาณไฟฟ้าของหัวใจและแสดงผลในรูปกราฟ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการขณะอยู่ในโรงพยาบาล
Holter monitoring เครื่องบันทึกการเต้นของหัวใจต่อเนื่อง 24-48 ชั่วโมง ที่ผู้ป่วยต้องพกติดตัว เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการทุกวันหรือเกือบทุกวัน เครื่องนี้สามารถตรวจจับความผิดปกติแม้ในขณะที่ผู้ป่วยไม่มีอาการ
Multiday Patch Holter อุปกรณ์ตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจแผ่นปิดบริเวณหัวใจ เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการเป็นครั้งคราว โดยเครื่องจะบันทึกการเต้นของหัวใจอย่างต่อเนื่องหลายวัน ทำให้สามารถตรวจพบความผิดปกติได้ง่ายขึ้น
Event recorder/Loop recorder เครื่องบันทึกชนิดพกพา เหมาะกับผู้ที่มีอาการไม่บ่อย เช่น เดือนละ 1-2 ครั้ง เมื่อมีอาการ ผู้ป่วยสามารถใช้เครื่องนี้บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจได้ทันที
เครื่องบันทึกชนิดฝังใต้ผิวหนัง (ILR) เครื่องบันทึกที่แพทย์ฝังไว้ใต้ผิวหนังบริเวณหน้าอกด้านซ้าย เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการนาน ๆ ครั้ง แต่อาการรุนแรง เช่น หมดสติที่ไม่ทราบสาเหตุ เครื่องจะบันทึกการเต้นของหัวใจเฉพาะเมื่อเกิดอาการ
การตรวจระบบไฟฟ้าหัวใจด้วยสายสวน (EP study) เป็นการตรวจโดยการสอดสายสวนผ่านหลอดเลือดดำเข้าสู่หัวใจ เพื่อตรวจสอบการทำงานของระบบไฟฟ้าหัวใจและกระตุ้นให้เกิดหัวใจใจเต้นผิดจังหวะ วิธีนี้เหมาะกับผู้ป่วยที่ไม่สามารถตรวจพบความผิดปกติด้วยวิธีอื่น ๆ
ภาวะใจเต้นผิดจังหวะมีหลายชนิดและสาเหตุ ทำให้การรักษาแตกต่างกันไป เริ่มจากการแก้ไขสาเหตุที่สามารถปรับได้ เช่น หลีกเลี่ยงอาหารหรือเครื่องดื่มที่กระตุ้นหัวใจ และรักษาโรคที่เป็นตัวกระตุ้น หากยังมีอาการ การรักษาจะมุ่งแก้ไขการเต้นของหัวใจที่ผิดจังหวะโดยตรง การรักษาภาวะใจเต้นผิดจังหวะมีหลายวิธีขึ้นอยู่กับสาเหตุและความรุนแรงของอาการ การรักษาหลัก ๆ ได้แก่
เครื่องกระตุ้นหัวใจ (Pacemaker) ใช้สำหรับผู้ป่วยที่หัวใจเต้นช้ากว่าปกติหรือมีภาวะหัวใจหยุดเต้นชั่วคราว แพทย์จะฝังเครื่องนี้ใต้ผิวหนังบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้า เมื่อหัวใจเต้นช้าลง เครื่องจะส่งพลังงานไฟฟ้าเล็กน้อยเพื่อกระตุ้นหัวใจให้เต้นในจังหวะปกติ
เครื่องกระตุกหัวใจ (AICD) ใช้ในผู้ป่วยที่มีภาวะใจเต้นผิดจังหวะรุนแรงที่อาจทำให้หัวใจหยุดเต้น เครื่องนี้จะถูกฝังไว้ใต้ผิวหนังเช่นเดียวกับ Pacemaker แต่เมื่อพบว่าใจเต้นผิดจังหวะรุนแรง เครื่องจะส่งพลังงานไฟฟ้าสูงเพื่อกระตุ้นให้หัวใจกลับมาเต้นปกติในเวลาไม่กี่วินาที
การจี้หัวใจด้วยคลื่นวิทยุ (RFCA) วิธีนี้ใช้สายสวนหัวใจผ่านหลอดเลือดดำหรือแดงเพื่อหาจุดที่ใจเต้นผิดจังหวะและจี้ทำลายด้วยคลื่นวิทยุที่ถูกเปลี่ยนเป็นความร้อน วิธีนี้สามารถรักษาภาวะใจเต้นผิดจังหวะให้หายขาดได้ โดยเฉพาะในผู้ป่วยที่ไม่ต้องการทานยาตลอดชีวิต
การจี้หัวใจด้วยความเย็น (Cryoablation) เป็นวิธีที่ใช้พลังงานความเย็นในการจี้ทำลายวงจรหัวใจที่ผิดปกติ แทนการใช้ความร้อน วิธีนี้มีประสิทธิภาพเทียบเท่าการจี้ด้วยความร้อน แต่มีข้อดีคือใช้เวลาน้อยกว่าและลดความเสี่ยงต่อการบาดเจ็บของเนื้อเยื่อรอบข้าง รวมถึงลดอาการเจ็บปวดระหว่างการรักษา
อาการใจสั่น เป็นอาการที่พบได้บ่อยและอาจเกิดจากหลายสาเหตุ โดย 2 สาเหตุหลักที่พบบ่อย คือ โรคแพนิค และโรคหัวใจที่เต้นผิดจังหวะ
สุดท้ายแล้วการแยกแยะระหว่างอาการใจสั่นที่เกิดจากโรคแพนิคและโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ อาจทำได้ยากสำหรับผู้ป่วยเอง การปรึกษาแพทย์เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เพื่อให้ได้รับการวินิจฉัยและรักษาที่ถูกต้อง