"RAM group vision" เสริมทัพไอทีครั้งใหญ่ Digital Healthcare

February 23 / 2024

 

 

 

‘‘RAM group vision’…เสริมทัพไอทีครั้งใหญ่นำ Digital Healthcare ดูแลรักษาผู้ป่วยแบบจำเพาะ&ผู้มีโรคประจำตัว สะดวก-รวดเร็วแบบ ‘เรียล-ไทม์’

 

เบี้องหลังความสำเร็จของ Smart Hospital คือ IT Infrastructure ที่มีเสถียรภาพ

 

งานด้าน ‘ไอที’ กับเรื่องของ ‘Healthcare’ ในโรงพยาบาลต่างก็เป็นงานที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้ ยิ่งไปกว่านั้นงานทั้งสองส่วนนี้นับวันจะยิ่งไม่สามารถแยกออกจากกันได้โดยสิ้นเชิง แทบจะทุกโรงพยาบาลทุกระดับทั้งภาครัฐและเอกชนต่างก็ปรับระบบการบริการทางการแพทย์นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบริหารจัดการ จัดบริการที่มีคุณภาพ ปลอดภัย ทันสมัย แม่นยำ เพื่อให้ประชาชนมีความสะดวกและรวดเร็ว

 

“โรงพยาบาลรามคำแหง” เป็นโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในประเทศไทยที่ได้นำเอาเทคโนโลยีด้านไอทีเข้ามาใช้ประโยชน์ในด้านการแพทย์มากกว่า 10 ปี โดยการนำระบบ IT Infrastructure เข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการในโรงพยาบาลรามคำแหงและโรงพยาบาลในเครือ เป็นการทำงานแบบองค์รวมโดยใช้เทคโนโลยีดิจิทัลปรับเปลี่ยน ปรับปรุงองค์กรให้มีความพร้อมในโลกดิจิทัลมากขึ้น ภายใต้หัวใจหลักการทำงานขององค์กร “อบอุ่นและเชี่ยวชาญ”, WARM&SKILL ดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิดแบบมืออาชีพพร้อมนำเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ามาช่วยตรวจวินิจฉัยเสริมความเข้มแข็ง โดยมีบริษัท เดลล์ คอร์ปอเรชั่น (ประเทศไทย) จำกัด ได้เข้ามาวางระบบต่างๆ ตั้งแต่ระบบ Data Center ไม่ว่าจะเป็นโปรแกรมคอมพิวเตอร์เชื่อมต่อเครือข่ายไปจนถึงการวางระบบปลายทางให้บุคลากรต่างๆ ในโรงพยาบาลสามารถเข้าถึงข้อมูลได้อย่างถูกต้องและแม่นยำ ซึ่งความร่วมมือกับผู้เชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยีนี้จะกลายเป็นหัวใจสำคัญในการสร้างความสามารถในการวินิจฉัยโรคล่วงหน้าและผลการรักษาที่ดีขึ้น ไปจนถึงการบริการดูแลสุขภาพที่สะดวก และการจัดการโรคประจำตัวได้ด้วยตัวเอง

 

และล่าสุด...โรงพยาบาลรามคำแหงได้แถลงข่าวเผยแพร่ต่อสื่อมวลชนผ่านระบบ Video Conference ให้เห็นและทราบถึงวิสัยทัศน์ ‘RAM group vision’ ในการนำโครงสร้างพื้นฐานไอทีด้านเฮลธ์แคร์ หรือ HIT; Healthcare IT Infrastructure ที่แข็งแกร่งและมีประสิทธิภาพสูงสุดเข้ามาใช้ในการดำเนินธุรกิจและให้บริการในโรงพยาบาลรามคำแหงและโรงพยาบาลในเครือ นำโดย นพ.พิชญ สมบูรณสิน กรรมการบริหาร รพ.รามคำแหง พร้อมด้วยคุณชัยยุทธ ตันประทุมวงษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายไอที รพ.รามคำแหง และคุณนพดล ปัญญาธิปัตย์ กรรมการผู้จัดการประจำประเทศไทย เดลล์ เทคโนโลยีส์ ร่วมกันแถลงในห้องประชุม

 

 

ทั้งนี้ ได้รับความกรุณาจาก นพ.สุธี ลีละเศรษฐกุล กรรมการบริหาร รพ.รามคำแหง ให้เกียรติร่วมฟังและให้ข้อมูลในฐานะผู้ใช้งานจริงด้านไอทีในการตรวจรักษาผู้ป่วย ซึ่งขณะนั้นคุณหมอสุธีนั่งอยู่ที่คลินิกไข้ ไอ เจ็บคอ (RAM​ IC​ OPD​: Drive-in) ที่ตั้งอยู่บริเวณลานจอดรถภายในโรงพยาบาล

 

 

นพ.พิชญ ให้เหตุผลในการนำมาสู่การปรับเปลี่ยนในครั้งนี้ว่า “หลักๆ คำว่า Digital Transformation ถ้าในทางเฮลท์แคร์หรือการแพทย์เองเราถือว่ามันเป็นการเพิ่ม​ หรือขยายศักยภาพในการดูแลผู้ป่วยของเรา ทั้งในเชิง ‘คุณภาพการดูแลรักษา’ แล้วก็ในเรื่องของ ‘ประสบการณ์’ ขอแบ่งเป็นสามเรื่องหลักๆ ด้วยกัน

 

เรื่องแรกก็เป็นคำที่เรียกว่าเป็น Efficiency แล้วก็ Physician หรือว่าที่ปัจจุบันเราจะเรียกว่าเป็น Physician Medicine คือเป็นการรักษาที่เพิ่มความแม่นยำ ความถูกต้อง แล้วก็เป็นความจำเพาะเจาะจงของบุคคลมากขึ้น เราลองนึกถึงอุตสาหกรรมในยุค 50-60 ปีที่ผ่านมาเราอยู่ในยุคที่เรียกว่าเป็นยุคปฏิวัติอุตสาหกรรม เราผลิตของออกมา 1,000 ชิ้นเหมือนกันหมดคนก็ซื้อ แต่ในยุคนี้เป็นยุคที่เรียกว่าเป็น ‘Personalize’ คือลูกค้าแต่ละคนมีความต้องการไม่เหมือนกัน คนที่เป็นผู้จัดหาก็จะสรรหาบริการผลิตภัณฑ์ที่ตรงกับความต้องการของลูกค้าแต่ละคนได้ ซึ่งในทางการแพทย์ก็เหมือนกัน แต่ปัจจุบันเมื่อเรามี Digital Transformation ข้อมูลในตัวคนไข้มีมหาศาลเลยไม่ว่าจะมาจากการเก็บข้อมูลในเรื่องการตรวจรักษา เราเอาข้อมูลเหล่านั้นมาออกแบบการรักษาที่ดีที่สุดและจำเพาะกับตัวคนไข้ท่านนั้นที่สุด อันนี้ก็เป็นเรื่องของ Physician อย่างหนึ่งที่ทำให้มันเกิดขึ้นจริงได้ในยุคนี้นะครับ

 

ยุคที่สองเราจะเรียกว่าเป็นการเปลี่ยนแปลง Transformation Carry Varying เมื่อคนไข้ไม่สบาย แต่ก่อนหมออาจจะตัดสินใจแทนคนไข้ได้หมด แต่ในปัจจุบันเรามองคนไข้เป็นปัจเจกบุคคล เขามีอำนาจในการตัดสินใจในชีวิตและสุขภาพของเขา ดังนั้นเมื่อมี Digital Technology เข้ามาเราสามารถอธิบายความเป็นไปของโรคหรือการตรวจ แผนการรักษาให้คนไข้และญาติเข้าใจได้อย่างง่ายดาย ก็จะทำให้เขารับรู้และมีส่วนร่วมในการตัดสินใจในการรักษาในครั้งนั้นได้ดีขึ้น

 

คุณหมอสามารถมายืนข้างๆ คนไข้ได้ เรามาร่วมกันรักษาเพื่อผ่านพ้นโรคนี้ไปได้ด้วยกันนะหมอจะช่วยเอง มันก็จะทำให้ข้อที่สามเกิดขึ้นคือในเรื่องของ ‘Experience’ หรือประสบการณ์ การเข้ารับบริการด้านสุขภาพของคนไข้เปลี่ยนไป สมัยก่อนเราก็จะมาด้วยความกลัว ความกังวล ความไม่รู้ ปัจจุบันข้อมูลเหล่านี้เข้ามาสู่ตัวคนไข้ไม่ว่าจะผ่านบุคลากรที่มีเครื่องมือเข้ามาช่วย ก็จะเป็นตัวช่วยทำให้ประสบการณ์ของคนไข้ดีขึ้นมากๆ ในการมารับบริการทางการแพทย์ครับ อันนั้นก็หมายถึงว่าสิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นไม่ได้เลยถ้าเราไม่ทำ Digital Transformation หรือที่เรียกว่าเป็น Healthcare Digitization”

 

นพ.สุธี ให้ข้อมูลเพิ่มเติมในส่วนของการใช้งานจริงว่า “สมัยก่อนคนไข้แทบจะไม่เคยเห็นการตรวจแบบนี้เลย แต่ในปัจจุบันเราสามารถเอาแท็บเล็ตไปข้างเตียงคนไข้ได้เลย ให้คนไข้และญาติได้เห็นว่าผลการตรวจเค้าเป็นยังไง มีรอยตีบตรงไหนบ้างในหลอดเลือด หรือมีเลือดออกตรงไหนบ้างในสมองเขานะครับ ซึ่งก็สร้างความมั่นใจให้คนไข้มากขึ้น ผลการตรวจเป็นแบบนี้ การวางแผนการรักษาก็เป็นไปตามผลการตรวจที่ได้มา แพทย์ทุกคนในทีมสามารถที่จะเห็นการตรวจได้เหมือนกันหมดเลยในเวลาเดียวกันด้วยครับ ก็จะสามารถปรึกษาหารือกันได้ว่าการรักษาแบบไหนที่จะเป็นผลดีที่สุด เหมาะสมที่สุดสำหรับคนไข้รายนี้”

 

นพ.พิชญ กล่าวต่อว่า แม้คนไข้ไม่อยู่ในโรงพยาบาลเราก็ตามไปดูแลเขาได้ อาจจะไม่ใช่การปรึกษาโดยตรงจากคุณหมอ แต่เป็นการที่ว่าเมื่อคนไข้มาโรงพยาบาลแล้วเขาจะได้รับข้อมูลการดูรักษา คำแนะนำ และเรื่องราวต่างๆ ติดตัวเขากลับไปด้วย อันนี้คือการที่เราใช้เทคโนโลยีในการดูแล​ซึ่งก็จะเป็นประโยชน์มากในช่วงที่เกิดวิกฤต ไม่ว่าจะเป็นช่วงโรคระบาด ซึ่งคนไข้บางคนจำเป็นต้องเข้ามารับการรักษาอย่างสม่ำเสมอ หากเกิดวิกฤตในเรื่องการเดินทางอย่างน้อยเราก็ยังเชื่อมต่อกันได้อยู่ โรงพยาบาลก็ยังดูแลคนไข้ในส่วนนั้นได้ คนไข้หนึ่งคนอาจจะไม่ได้มีคุณหมอดูแลแค่ท่านเดียว อย่างเช่นที่อาจารย์สุธีมาดูคนไข้ข้างเตียง อาจารย์ก็พูดเลยว่าเรื่องนี้ต้องให้คุณหมอหัวใจช่วยดู ซึ่งคุณหมอท่านนั้นก็อาจจะไม่ได้อยู่ที่โรงพยาบาลก็ได้ แต่คุณหมอก็สามารถอ่านผลตรงนั้นได้หรือที่บ้านได้ รวมถึงเมื่ออ่านเสร็จก็สามารถสื่อสารกับคุณหมอเจ้าของไข้ได้ในเรื่องของการวางแผนการรักษา คนไข้ก็ไม่ต้องมานั่งรอ จุดนี้คือสิ่งที่เราวางรากฐานแล้วก็พร้อมรับมือกับเรื่องต่างๆ ที่จะเข้ามาในอนาคตได้

 

“...โรงพยาบาลรามคำแหงเป็นโรงพยาบาลที่มีความเชี่ยวชาญในการรักษาโรคที่ซับซ้อน ทำให้มีผู้ป่วยโรคเรื้อรังและผู้สูงอายุเป็นผู้ป่วยประจำของเรามากมาย สิ่งที่จะเป็นทิศทางในแผนระยะยาวของเรา นอกจากการพัฒนาคุณภาพและเทคโนโลยีด้านการรักษาต่างๆ ให้ทันสมัยอยู่ตลอดแล้ว ยังจะมีการเชื่อมต่อข้อมูลคนไข้บางส่วนเพื่อให้สามารถเข้ารับบริการโรงพยาบาลในเครือได้อย่างสะดวกขึ้น เราจะเปลี่ยนภาพของโรงพยาบาลที่เป็นที่รักษาผู้ป่วยเพียงอย่างเดียว ให้เป็นที่ที่จะส่งเสริมให้สุขภาพของผู้มารับบริการดีขึ้น จะเปลี่ยนจากคำว่า ‘Sick Care’ เป็น ‘Healthcare’”

 

 

ทางด้านกรรมการผู้จัดการเดลล์ เทคโนโลยีส์ กล่าวเสริมว่า “เดลล์ อยู่ในตำแหน่งที่ช่วยเหลือลูกค้า เช่น โรงพยาบาลรามคำแหง ในการทรานส์ฟอร์มโครงสร้างพื้นฐานด้านไอทีสำหรับเฮลธ์แคร์ทั้งหมดได้ ตั้งแต่จุดที่ให้การดูแลผู้ป่วยไปจนถึงดาต้าเซ็นเตอร์ กระทั่งระบบคลาวด์ ช่วยผู้ให้บริการด้านสุขภาพลดความซับซ้อนในการบริหาร และปฏิบัติการเพื่อปฏิวัติการดูแลผู้ป่วยได้แบบองค์รวม”

 

ด้วยผลของความพยายามในการปรับเปลี่ยนไปสู่ดิจิทัล โรงพยาบาลรามคำแหงสามารถทำงานและให้บริการได้อย่างเต็มประสิทธิภาพด้วยการปฏิบัติการแบบ Always-On พร้อมความสามารถในการตอบสนองต่อความต้องการทางธุรกิจที่เปลี่ยนแปลงไปได้อย่างรวดเร็วบนโซลูชั่นของเดลล์ เทคโนโลยีส์ทั้งหมดให้ทันสมัยเพื่อให้การดูแลผู้ป่วยที่ดีมากยิ่งขึ้นแก่ผู้ป่วยทั้งในแบบ เรียล-ไทม์ และ การดูแลรักษาทางไกล แบบ 24/7 ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดก็ตาม และไม่ว่าจะเป็นกลุ่มมิลเลนเนียล เจเนอเรชั่นเอกซ์ เจเนอเรชั่นวาย หรือเบบี้บูมเมอร์ คุณก็จะได้รับประสบการณ์การดูแลสุขภาพที่สะดวก เป็นมาตรฐานเดียวกัน และการจัดการโรคประจำตัว และผลการรักษาที่ดีขึ้นแน่นอน

 

 

 

 

Premium Health package ผู้หญิง

ถึงเวลาดูแลสุขภาพอย่างใส่ใจ เราพร้อมดูแลคุณอย่างอบอุ่น

ราคา 3,990 บาท

Vitality care package ผู้หญิง

ตอบโจทย์สาวๆ สุดปัง! กับโปรแกรมตรวจที่ครอบคลุม ครบครัน เพราะฮอร์โมนเพศหญิงมีความสำคัญ

ราคา 2,590 บาท

Vitality care package ผู้ชาย

"ลงทุนเพื่อสุขภาพที่ดี นับเป็นความคุ้มค่าที่กล้าเสี่ยง! สายลุยไม่คุยเยอะ ตรวจได้ตรวจเลย"

ราคา 2,590 บาท

แพ็กเกจรักษาด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง (60 นาที/5 ครั้ง)

รักษาด้วยออกซิเจนความดันบรรยากาศสูง เป็นวิธีการบำบัดผู้ป่วยด้วยการหายใจด้วยออกซิเจนบริสุทธิ์ 100%

ราคา 15,000 บาท

แพ็กเกจตรวจสุขภาพ เอาใจวัยทำงาน (ผู้ชาย) - โรงพยาบาลรามคำแหง

"ใครที่โหมงานหนักทุกวัน จนร่างกายใกล้พัง..อย่ารอช้า! “แพ็กเกจตรวจสุขภาพ เอาใจวัยทำงาน” ตอบโจทย์แน่นอน

ราคา 8,490 บาท

แพ็กเกจผ่าตัดคลอดแบบเหมา ๆ ใช้จ่าย อุ่นใจ สบายกระเป๋า

ดูแลครอบคลุม คุ้มค่ากับราคาเหมาๆ ดูแลใส่ใจคุณแม่และลูกน้อยทุกขั้นตอนอย่างดีที่สุด

ราคา 72,000 บาท