เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
แผนกหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลรามคำแหง
ให้บริการตรวจวินิจฉัยและรักษาผู้ป่วยภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะหรือมีความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจทุกชนิด โดยคณะแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านการรักษาระบบไฟฟ้าหัวใจโดยเฉพาะ ห้องปฏิบัติการระบบไฟฟ้าหัวใจนี้เพียบพร้อมด้วยอุปกรณ์และเทคโนโลยีทางการแพทย์ขั้นสูงวิเคราะห์หาต้นเหตุและรักษาไฟฟ้าหัวใจด้วยระบบ CARTO (CARTO System) ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่สามารถแสดงภาพเสมือนจริง ทำให้เห็นตำแหน่งของความผิดปกติได้ชัดเจน จึงช่วยเพิ่มความแม่นยำในการตรวจวินิจฉัยและรักษาส่งผลให้ประสิทธิผลของการรักษาดีขึ้นและผู้ป่วยได้รับผลแทรกซ้อนลดลง
การบริการของคลินิกหัวใจเต้นผิดจังหวะ โรงพยาบาลรามคำแหง มีดังนี้
Electrophysiology Study หรือการตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจ เป็นการตรวจประเมินสัญญาณไฟฟ้าหัวใจและทางเดินไฟฟ้าหัวใจ เพื่อวินิจฉัยหาสาเหตุและตำแหน่งที่ระบบไฟฟ้าในหัวใจผิดปกติส่งผลให้หัวใจเต้นผิดปกติ แสดงผลเป็นกราฟ 2 มิติ ช่วยให้แพทย์พิจารณาทางเลือกในการรักษาที่เหมาะสม ด้วยวิธีการนี้ หากแพทย์พิจารณาให้การรักษาโดยการจี้ด้วยคลื่นวิทยุความถี่สูง ก็สามารถให้การรักษาได้ต่อเนื่องทันทีหลังจากการตรวจวินิจฉัยทางสรีรวิทยาไฟฟ้าหัวใจแล้ว
การจี้จุดกำเนิดการเต้นผิดปกติในหัวใจโดยคลื่นวิทยุความถี่สูง คือการใช้สายสวนสอดไปตามหลอดเลือดถึงห้องหัวใจ ที่ปลายสายจะมีขั้วปล่อยพลังงานคลื่นวิทยุ ณ ตำแหน่งที่มีกระแสไฟฟ้าหัวใจผิดปกติเพื่อทำลายตำแหน่งที่มีการนำไฟฟ้าผิดปกติ
การรักษาโดยการจี้จุดกำเนิดการเต้นผิดปกติในหัวใจ โดยอาศัยเครื่องค้นหาตำแหน่งการเกิดความผิดปกติ ของระบบไฟฟ้าหัวใจ (CARTO System) เป็นการรักษาโดยการหาตำแหน่งความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจซึ่งสามารถแสดงเป็นภาพ 3 มิติแบบ real-time และใช้สายสวนจี้ที่จุดที่ผิดปกตินั้นด้วยคลื่นวิทยุ วิธีนี้สามารถใช้ในการรักษาความผิดปกติของระบบไฟฟ้าหัวใจที่มักมีจุดกำเนิดผิดปกติในบริเวณกว้าง อาทิ
การฝังเครื่องกระตุ้นหัวใจ (pacemaker) เป็นการฝังเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์เล็กๆไว้ใต้ผิวหนังบริเวณใต้กระดูกไหปลาร้าเชื่อมกับสายนำไฟฟ้าไปยังหัวใจ เครื่องจะทำการตรวจจับจังหวะการเต้นของหัวใจ สายนำไฟฟ้าจะเป็นตัวควบคุมและกระตุ้นให้หัวใจเต้นตามอัตราที่กำหนด ใช้ในการรักษาภาวะหัวใจมีจังหวะช้าผิดปกติ
การฝังเครื่องกระตุกหัวใจ (implantable cardioverter defibrillator; ICD) เป็นการฝังเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์คล้าย pacemaker เชื่อมกับสายนำไฟฟ้าไปยังหัวใจ ซึ่งนอกจากช่วยกระตุ้นหัวใจกรณีเต้นช้าแล้วยังสามารถกระตุกหัวใจในกรณีที่ผู้ป่วยมีภาวะหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะชนิดร้ายแรงถึงชีวิต ใช้ป้องกันการเสียชีวิตกะทันหัน
การฝังเครื่องกระตุ้น/กระตุกไฟฟ้าหัวใจชนิดปรับการทำงานกล้ามเนื้อหัวใจให้บีบตัวประสานงานกัน (cardiac resynchonization therapy; CRT) เป็นการฝังเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์คล้าย pacemaker หรือ ICD ใช้รักษาภาวะหัวใจล้มเหลวเรื้อรังที่รักษาด้วยยาเต็มที่แล้ว แต่ยังมีภาวะหัวใจล้มเหลวอยู่ ให้กล้ามเนื้อหัวใจทำงานได้ดีขึ้น
อุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ในห้องปฎิบัติการ
ห้องปฎิบัติการระบบไฟฟ้าหัวใจ โรงพยาบาลรามคำแหง ประกอบด้วยอุปกรณ์และเครื่องมือทางการแพทย์ที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงสำหรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ ได้แก่
ระบบ CARTO (CARTO system) เป็นเทคโนโลยีที่ใช้ระบบคอมพิวเตอร์ในการสร้างภาพ 3 มิติ เพื่อให้ได้ภาพ โครงสร้างของหัวใจและคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ชัดเจน ซึ่งจะแสดงเป็นสีต่างๆ กันตามความซับซ้อนของการนำไฟฟ้า สามารถสร้างภาพได้หลากหลายและจำเพาะเจาะจงมากขึ้น ช่วยให้แพทย์สามารถระบุตำแหน่งที่เกิดความผิดปกติและเลือกวิธีการรักษาที่เหมาะสมที่สุด แพทย์สามารถทำการรักษาโดยการจี้ที่หัวใจได้อย่างถูกต้องแม่นยำเพิ่มประสิทธิผลของการรักษาได้ดียิ่งขึ้น ทั้งนี้ระบบ CARTO จะทำงานร่วมกับอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่นๆ ประกอบด้วย
CARTOSOUND เป็นระบบอัลตราซาวนด์ที่สามารถทำงานร่วมกับซอฟต์แวร์ในการสร้างภาพกราฟฟิค 3 มิติ ทำให้แพทย์เห็นโครงสร้างของหัวใจและตำแหน่งที่เกิดความความผิดปกติได้อย่างชัดเจน
เอกซเรย์คอมพิวเตอร์
ระบบการระบุตำแหน่งของสายสวนคล้าย GPS เพื่อเพิ่มความแม่นยำในการวินิจฉัยและรักษาซอฟต์แวร์ มีหลากหลายชนิด สามารถใช้ในการสร้างภาพที่หลากหลายและจำเพาะเจาะจงกับชนิดของภาวะหัวใจผิดปกติที่ผู้ป่วยเป็นได้มากขึ้น เช่น CFAEs (Complex fractionated atrial electrocardiograms) ใช้ในการหาตำแหน่งคลื่นไฟฟ้าหัวใจที่ซับซ้อนเป็นต้น
ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“ผู้ป่วยวัย 97 ปี รักษาด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก โดยไม่ต้องผ่าตัดผ่านทางสายสวน (TAVI)”
“…ในช่วง “โควิด-19” เริ่มระบาดรุนแรงขึ้น “คุณยายกิมกี” จึงบอกลูกหลานว่าของดไปหาหมอไว้ก่อน แต่หลังจากห่างหมอไปราว 7-8 เดือนก็เกิดอาการเป็นลมถึง 3-4 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ลูก-หลานที่คอยดูแลจึงพาคุณยายไปโรงพยาบาลใกล้บ้านเพราะเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินไม่ควรรอช้า แต่ด้วยความไว้วางใจโรงพยาบาลรามคำแหงจึงติดต่อขอมารักษากับคุณหมอวิชัย ศรีมนัส ที่ “รพ.รามคำแหง” เมื่อมาถึงก็ได้รับการตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอนจนไปถึง “การฉีดสีสวนหัวใจ” อย่างเร่งด่วน จึงพบสาเหตุและได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยทราบว่าปัญหาอยู่ที่ “โรคลิ้นหัวใจตีบ” กับ “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” ซึ่งบุตรสาวคือ “คุณพอศรี อินดี” ได้ให้ข้อมูลว่าตอนแรกก็มาด้วยเหนื่อย...คอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย คุณแม่มีเบาหวานแล้วก็มีหัวใจด้วย ตอนที่มาหาอาจารย์ก็ได้ยารักษามาเรื่อย ๆ 3-4 เดือนก็จะมา Follow Up ครั้งหนึ่งค่ะ แต่ช่วงนั้นได้ขาดหายไป 7 เดือน...จริง ๆ แล้วอยู่ที่บ้านก็พยายามให้เดิน แล้วก็ทำกายภาพฯ ยกแขน-ยกขา แต่ก็เหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เราเห็นว่าชีพจรไม่ได้เร็วหรือช้ามากคืออยู่ในเกณฑ์...วัดน้ำตาล วัดความดันแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แต่เรื่องลิ้นหัวใจตีบคุณหมอวิชัย ขอตรวจมานานแล้วเพียงแต่เราไม่กล้าให้ตรวจสวนหัวใจ จนกระทั่งมาเกิดเป็นลมจึงบังคับให้ต้องเลือกแล้ว...พามาส่งเย็นวันนั้นก็สวนหัวใจเลยค่ะ..”
ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เกิดอาการวูบ 30 ปีก่อนจากหัวใจเต้นผิดปกติ รักษาด้วยการแพทย์แบบทางไกล
“...คือมันเกิดขึ้นอายุประมาณ 30 ได้ ตอนเริ่มต้นก็แค่มีอาการแบบว่าชาที่บริเวณโคนลิ้นกับกรามค่ะ มันจะรู้สึกชา ๆ แล้วใจก็จะแบบหวิว ๆ แล้วก็วูบหมดสติค่ะ ตอนแรกไปหาหมอที่ รพ.รามฯ แต่ตรวจแล้วไม่พบ เพราะตอนไปหาหมอมันไม่มีอาการ คุณหมอก็นึกว่าเป็นลมธรรมดา จนกระทั่งวันหนึ่งได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ในหมู่บ้านแล้วเกิดวูบตกมอเตอร์ไซค์ พอดีเพื่อนบ้านเห็นก็เลยพาส่งไปที่ รพ.รามคำแหง ได้พบอาจารย์หมอวิชัยค่ะ คุณหมอก็สงสัยว่าอายุยังน้อยทำไมถึงมีอาการแบบนี้ พอตรวจหัวใจแล้วได้ให้ติดเครื่องวัดหัวใจแบบ Holter ผลออกมาว่าเป็นหัวใจเต้นผิดปกติ คุณหมอก็เลยเรียกเข้า รพ.ด่วนเพื่อให้ยาทาน หลังจากนั้นก็ดีขึ้นก็จึงให้ทานยาทุกวัน โดยคุณหมอบอกแต่แรกแล้วว่าสงสัยต้องทานยาไปตลอดชีวิตเพื่อคุมการเต้นของหัวใจ จากนั้นก็ได้มีอาการวูบหมดสติอีกสัก 2-3 ครั้งจึงไปหาคุณหมอและได้รับยาเข้าทางเส้นเลือด แต่ที่เราสงสัยคือมันเกิดจากอะไรจึงถามคุณหมอและฟังว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากเครียด ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะเป็นอันนั้น เพราะช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องงานกับอะไรอีกหลายอย่างเข้ามาพร้อม ๆ กัน ก็เลยหันมาใช้ชีวิตใหม่โดยพยายามตัดปัญหาทุกสิ่งออกไป จะได้ไม่หมกมุ่นมากแล้วก็เริ่มออกกำลังกายจนกระทั่งรู้สึกว่าดีขึ้น ไม่มีอาการวูบก็ลองหยุดยาค่ะ...หยุดมาน่าจะเกิน 20 ปีด้วยซ้ำแต่ก็อยู่ได้โดยไม่มีอาการจึงไม่ได้ไปหาคุณหมออีกเลย คือใช้ชีวิตปกติมาตลอด ไม่มีอาการเตือน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อยู่ ๆ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ตอนกลางวันเดิน ๆ อยู่ในห้องก็ล้มลงไปเฉย ๆ โดยไม่มีอาการเตือนอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดีแต่ว่ามันเป็นแค่แว้บเดียว พอลุกขึ้นมาก็นึกถึงอาการที่เราเคยเป็น แต่เมื่อนั่งไปทั้งวันมันก็ไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น มาอีกทีตอนหัวค่ำกำลังเอนหลังดูทีวีอยู่ มันก็มีอาการแบบวูบ ๆ ใจสั่น แล้วยังวูบติด ๆ กันจึงคิดว่าผิดปกติมาก เพราะเมื่อก่อนที่เคยเป็นไม่ถึงขนาดนี้-วูบจนเรารู้สึกเหนื่อย จึงไปเรียกรถฉุกเฉินให้พาไปส่ง รพ.รามคำแหงเพราะทราบว่าคุณหมอวิชัยยังอยู่ที่นั่น แม้จะผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว และแม้ว่าประวัติการรักษาไม่อยู่แล้ว แต่คุณหมอจำได้ว่าเคยวูบจนตกรถมอเตอร์ไซค์นะคะ แล้วจากนั้นคุณหมอวิชัยร่วมกับคุณหมอบัญชาก็ช่วยกันดู ช่วยกันรักษาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเลย โดยได้ติดเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นผิดปกติที่เรียกว่า Holter ให้แต่มันก็ไม่มีอาการอะไรค่ะ...”
อดีตคนใข้โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“ หลังจากที่ผมเข้ารับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกหัวใจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็คิดว่าอาการรุนแรงต่างๆ จากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะจะจบลง สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลว่าอาการจะกำเริบจนอาจเสียชีวิตได้ตลอดเวลา แต่จู่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมมีอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ !!
.
ผมจึงตัดสินใจมาที่นี่ พอตรวจก็พบว่าหัวใจขาดโพแทสเซียม ตอนแรกคุณหมอให้ทานยาโพแทสเซียมเสริม แต่มันก็ไม่หายขาด สุดท้ายแล้วคุณหมอจึงแนะนำให้รักษาด้วยเทคโนโลยีจี้สลายระบบไฟฟ้า จากที่ได้ฟัง มันน่าจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ เลยตัดสินใจทำ”
ซึ่งหมอต้องบอกเลยนะครับ ว่าวิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่ค่อนข้างซับซ้อนและอาจต้องใช้เวลานาน แพทย์ที่ทำการรักษาต้องมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก และอุปกรณ์ต้องพร้อม เพราะหากเกิดความผิดพลาดอาจทำให้ผู้ป่วยหัวใจทะลุจนเสียชีวิตได้ สำหรับคุณปิยะนั้นใช้เวลาในการจี้นานถึง 7 ชั่วโมง สามารถรักษาได้ไปถึง 2 จุดใหญ่ๆ และยังเหลืออีก 2 จุดเล็กที่ไม่สามารถจี้ได้ทันที คุณหมอจึงได้ทำพิจารณาการรักษาอีก 2 จุดภายหลัง
.
หลังจากที่ผ่าตัดกลับมาคุณปิยะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เพราะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ด้วยการทานยาสม่ำเสมอ ลดความเครียดจากการทำงานลง หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงไม่เกิดขึ้นอีกเลย แม้ว่าจะต้องเดินทางไปต่างประเทศถึง 15 ชั่วโมง อาการก็ยังปกติดีอยู่ หมอรามดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งให้คุณปิยะหายจากอาการดังกล่าว ทำให้ได้ใช้ชีวิตอย่างอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้นนะครับ
อดีตคนใข้โรคหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ
“ คุณศรีสวัสดิ์ กัลยา เข้ามาพบหมอด้วย “อาการหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ” ซึ่งได้เล่าถึงระยะเริ่มต้นที่มักมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย จึงได้ไปหาหมอและรับยามาทานก็ดีขึ้น แต่ก็ยังเป็น ๆ หาย ๆ จนเริ่มบ่อยและนานขึ้น ถึงขั้นใช้ชีวิตปกติไม่ได้ บางครั้งหัวใจเต้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่ 8 โมง ถึง บ่าย 2 จึงกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง หมอแนะนำให้รักษาด้วยการใช้คลื่นวิทยุจี้กล้ามเนื้อหัวใจ ”
เมื่อต้องทำการรักษาอย่างจริงจัง คุณศรีสวัสดิ์และครอบครัวจึงเลือกย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลรามคำแหง เพราะความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์และเครื่องมือที่พร้อมมากกว่า หลังจากการตรวจวินิจฉัยกันอย่างละเอียดอีกครั้ง คุณหมอจึงแนะนำวิธีการรักษาให้ และคนไข้ก็ได้ตัดสินใจรักษาด้วยวิธีการจี้จุดกำเนิดไฟฟ้าผิดปกติในหัวใจ ผ่านการสวนหลอดเลือด
คุณศรีสวัสดิ์พักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืนเท่านั้น ในตอนเช้าก็กลับบ้านได้ และต่อจากนั้น 1 อาทิตย์คุณหมอได้นัดเข้ามาตรวจอาการอีกครั้ง ปราฏกว่าการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติ
ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“ผู้ป่วยวัย 97 ปี รักษาด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก โดยไม่ต้องผ่าตัดผ่านทางสายสวน (TAVI)”
“…ในช่วง “โควิด-19” เริ่มระบาดรุนแรงขึ้น “คุณยายกิมกี” จึงบอกลูกหลานว่าของดไปหาหมอไว้ก่อน แต่หลังจากห่างหมอไปราว 7-8 เดือนก็เกิดอาการเป็นลมถึง 3-4 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ลูก-หลานที่คอยดูแลจึงพาคุณยายไปโรงพยาบาลใกล้บ้านเพราะเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินไม่ควรรอช้า แต่ด้วยความไว้วางใจโรงพยาบาลรามคำแหงจึงติดต่อขอมารักษากับคุณหมอวิชัย ศรีมนัส ที่ “รพ.รามคำแหง” เมื่อมาถึงก็ได้รับการตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอนจนไปถึง “การฉีดสีสวนหัวใจ” อย่างเร่งด่วน จึงพบสาเหตุและได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยทราบว่าปัญหาอยู่ที่ “โรคลิ้นหัวใจตีบ” กับ “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” ซึ่งบุตรสาวคือ “คุณพอศรี อินดี” ได้ให้ข้อมูลว่าตอนแรกก็มาด้วยเหนื่อย...คอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย คุณแม่มีเบาหวานแล้วก็มีหัวใจด้วย ตอนที่มาหาอาจารย์ก็ได้ยารักษามาเรื่อย ๆ 3-4 เดือนก็จะมา Follow Up ครั้งหนึ่งค่ะ แต่ช่วงนั้นได้ขาดหายไป 7 เดือน...จริง ๆ แล้วอยู่ที่บ้านก็พยายามให้เดิน แล้วก็ทำกายภาพฯ ยกแขน-ยกขา แต่ก็เหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เราเห็นว่าชีพจรไม่ได้เร็วหรือช้ามากคืออยู่ในเกณฑ์...วัดน้ำตาล วัดความดันแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แต่เรื่องลิ้นหัวใจตีบคุณหมอวิชัย ขอตรวจมานานแล้วเพียงแต่เราไม่กล้าให้ตรวจสวนหัวใจ จนกระทั่งมาเกิดเป็นลมจึงบังคับให้ต้องเลือกแล้ว...พามาส่งเย็นวันนั้นก็สวนหัวใจเลยค่ะ..”
ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เกิดอาการวูบ 30 ปีก่อนจากหัวใจเต้นผิดปกติ รักษาด้วยการแพทย์แบบทางไกล
“...คือมันเกิดขึ้นอายุประมาณ 30 ได้ ตอนเริ่มต้นก็แค่มีอาการแบบว่าชาที่บริเวณโคนลิ้นกับกรามค่ะ มันจะรู้สึกชา ๆ แล้วใจก็จะแบบหวิว ๆ แล้วก็วูบหมดสติค่ะ ตอนแรกไปหาหมอที่ รพ.รามฯ แต่ตรวจแล้วไม่พบ เพราะตอนไปหาหมอมันไม่มีอาการ คุณหมอก็นึกว่าเป็นลมธรรมดา จนกระทั่งวันหนึ่งได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ในหมู่บ้านแล้วเกิดวูบตกมอเตอร์ไซค์ พอดีเพื่อนบ้านเห็นก็เลยพาส่งไปที่ รพ.รามคำแหง ได้พบอาจารย์หมอวิชัยค่ะ คุณหมอก็สงสัยว่าอายุยังน้อยทำไมถึงมีอาการแบบนี้ พอตรวจหัวใจแล้วได้ให้ติดเครื่องวัดหัวใจแบบ Holter ผลออกมาว่าเป็นหัวใจเต้นผิดปกติ คุณหมอก็เลยเรียกเข้า รพ.ด่วนเพื่อให้ยาทาน หลังจากนั้นก็ดีขึ้นก็จึงให้ทานยาทุกวัน โดยคุณหมอบอกแต่แรกแล้วว่าสงสัยต้องทานยาไปตลอดชีวิตเพื่อคุมการเต้นของหัวใจ จากนั้นก็ได้มีอาการวูบหมดสติอีกสัก 2-3 ครั้งจึงไปหาคุณหมอและได้รับยาเข้าทางเส้นเลือด แต่ที่เราสงสัยคือมันเกิดจากอะไรจึงถามคุณหมอและฟังว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากเครียด ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะเป็นอันนั้น เพราะช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องงานกับอะไรอีกหลายอย่างเข้ามาพร้อม ๆ กัน ก็เลยหันมาใช้ชีวิตใหม่โดยพยายามตัดปัญหาทุกสิ่งออกไป จะได้ไม่หมกมุ่นมากแล้วก็เริ่มออกกำลังกายจนกระทั่งรู้สึกว่าดีขึ้น ไม่มีอาการวูบก็ลองหยุดยาค่ะ...หยุดมาน่าจะเกิน 20 ปีด้วยซ้ำแต่ก็อยู่ได้โดยไม่มีอาการจึงไม่ได้ไปหาคุณหมออีกเลย คือใช้ชีวิตปกติมาตลอด ไม่มีอาการเตือน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อยู่ ๆ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ตอนกลางวันเดิน ๆ อยู่ในห้องก็ล้มลงไปเฉย ๆ โดยไม่มีอาการเตือนอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดีแต่ว่ามันเป็นแค่แว้บเดียว พอลุกขึ้นมาก็นึกถึงอาการที่เราเคยเป็น แต่เมื่อนั่งไปทั้งวันมันก็ไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น มาอีกทีตอนหัวค่ำกำลังเอนหลังดูทีวีอยู่ มันก็มีอาการแบบวูบ ๆ ใจสั่น แล้วยังวูบติด ๆ กันจึงคิดว่าผิดปกติมาก เพราะเมื่อก่อนที่เคยเป็นไม่ถึงขนาดนี้-วูบจนเรารู้สึกเหนื่อย จึงไปเรียกรถฉุกเฉินให้พาไปส่ง รพ.รามคำแหงเพราะทราบว่าคุณหมอวิชัยยังอยู่ที่นั่น แม้จะผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว และแม้ว่าประวัติการรักษาไม่อยู่แล้ว แต่คุณหมอจำได้ว่าเคยวูบจนตกรถมอเตอร์ไซค์นะคะ แล้วจากนั้นคุณหมอวิชัยร่วมกับคุณหมอบัญชาก็ช่วยกันดู ช่วยกันรักษาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเลย โดยได้ติดเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นผิดปกติที่เรียกว่า Holter ให้แต่มันก็ไม่มีอาการอะไรค่ะ...”
อดีตคนใข้โรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“ หลังจากที่ผมเข้ารับการผ่าตัดฝังเครื่องกระตุกหัวใจเมื่อ 2 ปีที่แล้ว ก็คิดว่าอาการรุนแรงต่างๆ จากโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะจะจบลง สามารถเดินทางไปต่างประเทศได้ตามปกติโดยไม่ต้องกังวลว่าอาการจะกำเริบจนอาจเสียชีวิตได้ตลอดเวลา แต่จู่ๆ เหตุการณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อผมมีอาการโรคหัวใจกำเริบขึ้นมาโดยไม่รู้สาเหตุ !!
.
ผมจึงตัดสินใจมาที่นี่ พอตรวจก็พบว่าหัวใจขาดโพแทสเซียม ตอนแรกคุณหมอให้ทานยาโพแทสเซียมเสริม แต่มันก็ไม่หายขาด สุดท้ายแล้วคุณหมอจึงแนะนำให้รักษาด้วยเทคโนโลยีจี้สลายระบบไฟฟ้า จากที่ได้ฟัง มันน่าจะช่วยให้ทุกอย่างดีขึ้นได้ เลยตัดสินใจทำ”
ซึ่งหมอต้องบอกเลยนะครับ ว่าวิธีการนี้ถือเป็นวิธีการที่ค่อนข้างซับซ้อนและอาจต้องใช้เวลานาน แพทย์ที่ทำการรักษาต้องมีความเชี่ยวชาญอย่างมาก และอุปกรณ์ต้องพร้อม เพราะหากเกิดความผิดพลาดอาจทำให้ผู้ป่วยหัวใจทะลุจนเสียชีวิตได้ สำหรับคุณปิยะนั้นใช้เวลาในการจี้นานถึง 7 ชั่วโมง สามารถรักษาได้ไปถึง 2 จุดใหญ่ๆ และยังเหลืออีก 2 จุดเล็กที่ไม่สามารถจี้ได้ทันที คุณหมอจึงได้ทำพิจารณาการรักษาอีก 2 จุดภายหลัง
.
หลังจากที่ผ่าตัดกลับมาคุณปิยะสามารถใช้ชีวิตได้เหมือนเดิม เพราะทำตามคำแนะนำอย่างเคร่งครัด ด้วยการทานยาสม่ำเสมอ ลดความเครียดจากการทำงานลง หมั่นออกกำลังกาย และพักผ่อนให้เพียงพอ อาการหัวใจเต้นผิดจังหวะขั้นรุนแรงไม่เกิดขึ้นอีกเลย แม้ว่าจะต้องเดินทางไปต่างประเทศถึง 15 ชั่วโมง อาการก็ยังปกติดีอยู่ หมอรามดีใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งให้คุณปิยะหายจากอาการดังกล่าว ทำให้ได้ใช้ชีวิตอย่างอุ่นใจและปลอดภัยมากขึ้นนะครับ
อดีตคนใข้โรคหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ
“ คุณศรีสวัสดิ์ กัลยา เข้ามาพบหมอด้วย “อาการหัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ” ซึ่งได้เล่าถึงระยะเริ่มต้นที่มักมีอาการเจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย จึงได้ไปหาหมอและรับยามาทานก็ดีขึ้น แต่ก็ยังเป็น ๆ หาย ๆ จนเริ่มบ่อยและนานขึ้น ถึงขั้นใช้ชีวิตปกติไม่ได้ บางครั้งหัวใจเต้นแรงต่อเนื่องตั้งแต่ 8 โมง ถึง บ่าย 2 จึงกลับไปหาหมอที่โรงพยาบาลเดิมอีกครั้ง หมอแนะนำให้รักษาด้วยการใช้คลื่นวิทยุจี้กล้ามเนื้อหัวใจ ”
เมื่อต้องทำการรักษาอย่างจริงจัง คุณศรีสวัสดิ์และครอบครัวจึงเลือกย้ายมารักษาที่โรงพยาบาลรามคำแหง เพราะความเชี่ยวชาญของทีมแพทย์และเครื่องมือที่พร้อมมากกว่า หลังจากการตรวจวินิจฉัยกันอย่างละเอียดอีกครั้ง คุณหมอจึงแนะนำวิธีการรักษาให้ และคนไข้ก็ได้ตัดสินใจรักษาด้วยวิธีการจี้จุดกำเนิดไฟฟ้าผิดปกติในหัวใจ ผ่านการสวนหลอดเลือด
คุณศรีสวัสดิ์พักฟื้นที่โรงพยาบาลเพียง 1 คืนเท่านั้น ในตอนเช้าก็กลับบ้านได้ และต่อจากนั้น 1 อาทิตย์คุณหมอได้นัดเข้ามาตรวจอาการอีกครั้ง ปราฏกว่าการเต้นของหัวใจกลับมาเป็นปกติ
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th