วรางคณา พิชัยวงศ์
อายุรกรรมไต
เว็บไซต์นี้ใช้คุ้กกี้
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactus โดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
ผ่าตัดปลูกถ่ายไต กับโรงพยาบาลรามคำแหง พร้อมคู่มืออย่างละเอียด
ในร่างกายของคนปกติจะมีไตซึ่งมีลักษณะคล้ายกับเม็ดถั่วสีน้ำตาลแดงอยู่ที่บริเวณใต้ชายโครงด้านหลังของเอวทั้ง 2 ข้าง โดยมีหน้าที่สําคัญ ได้แก่ การขับน้ำและของเสียต่าง ๆ ในร่างกายออกมาทางปัสสาวะ หากมีภาวะไตวาย หรือไตไม่ทำงานเกิดขึ้นของเสียจะเกิดการสะสมในร่างกายส่งผลเสียต่ออวัยวะภายในต่าง ๆ และส่งผลให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
นอกจากนี้ไตยังทําหน้าที่อื่น ได้แก่ ควบคุมปริมาณสารน้ำและเกลือแร่ในร่างกาย ควบคุมความเป็นกรดและด่างในร่างกาย ควบคุมความดันโลหิต ผลิตฮอร์โมน Erythropoietin เพื่อกระตุ้นการสร้างเม็ดเลือดแดง ควบคุมการสร้างวิตามินดี แคลเซียม และฟอสฟอรัส
อาการของผู้ป่วยโรคไตวาย
เมื่อเกิดภาวะไตวายหรือไตไม่ทํางาน จะส่งผลให้มีการสะสมของเสียในร่างกายจนเกิดอาการคลื่นไส้ อาเจียน เบื่ออาหาร อ่อนเพลีย โลหิตจาง คันตามตัว ความดันโลหิตสูง หัวใจล้มเหลว หัวใจเต้นผิดปกติ หายใจลําบาก น้ำท่วมปอด กระดูกเปราะบางหักง่าย และอาจเกิดการชักและสมองหยุดทำงานได้หากมีของเสียสะสมในสมองมาก ถ้าเกิดภาวะไตวายในเด็กจะส่งผลให้ไม่เจริญเติบโตตามปกติ
สาเหตุของการเกิดโรคไตวาย
สาเหตุของการเกิดโรคไตวาย ได้แก่ เบาหวาน ความดันโลหิตสูง นิ่วในไต เนื้อเยื่อไตอักเสบ โรคภูมิต่อต้านตนเอง โรคถุงน้ำในไต โรคไตจากกรรมพันธุ์
บางสาเหตุสามารถป้องกันได้ เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูงหากผู้ป่วยได้รับการดูแลรักษาควบคุมให้ดีจะป้องกันการเกิดโรคไตวายเรื้อรังได้
เมื่อผู้ป่วยเกิดไตวายเรื้อรังจนเข้าสู่ระยะสุดท้ายแล้ว จำเป็นต้องได้รับการรักษาเพื่อให้ร่างกายสามารถขับของเสียได้และสามารถดำรงชีวิตได้ต่อไป ในปัจจุบันมีวิธีการรักษาผู้ป่วยไตวาย 3 วิธี เพื่อให้มีชีวิตที่ยืนยาว และมีคุณภาพชีวิตที่ดี ดังนี้
1. การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis)
วิธีนี้เป็นการนําเลือดของผู้ป่วยซึ่งมีของเสียปริมาณมาก มาเข้าเครื่องฟอกเลือด โดยจะกรองของเสียจากเลือดและนําเลือดที่ถูกฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกายของผู้ป่วย การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม จะทําสัปดาห์ละ 2 - 3 ครั้ง โดยทำครั้งละประมาณ 4 ชั่วโมง หลังจากฟอกเลือดแล้วร่างกายผู้ป่วยจะแข็งแรงขึ้น สามารถดํารงชีวิตได้เหมือนปกติ แต่ผู้ป่วยต้องมาฟอกเลือดที่ศูนย์ไตเทียมสม่ำเสมอ
2. การล้างไตทางช่องท้อง (CAPD)
วิธีนี้ผู้ป่วยจะใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องของตัวผู้ป่วยเอง ใส่น้ำยาครั้งละ 2 ลิตร ทำวันละประมาณ 4 ครั้ง ในขณะที่น้ำยาอยู่ในช่องท้อง ของเสียต่าง ๆที่อยู่ในร่างกายจะแพร่ออกจากกระแสเลือดเข้าสู่น้ำยาในช่องท้อง ทำให้ของเสียในเลือดลดลง ดังนั้นผู้ป่วยจะกลับมามีสภาพร่างกายที่แข็งแรง อย่างไรก็ตามผู้ป่วยต้องทำการล้างไตทางช่องท้องเป็นประจําทุกวัน
3. การปลูกถ่ายไตหรือเปลี่ยนไต (Kidney Transplantation)
วิธีนี้เป็นวิธีการรักษา โรคไตวายเรื้อรังที่ดีที่สุดเนื่องจากมีคุณภาพชีวิตและอัตราการรอดชีวิตดีที่สุดเมื่อเทียบกับวิธีการรักษาโดยวิธีอื่น การปลูกถ่ายไตสามารถแบ่งออกเป็น 2 ประเภท คือ
ปัจจุบันผู้ป่วยไตวายที่ได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตสําเร็จแล้ว จะมีอายุยืนยาวและกลับมาดํารงชีวิตได้ตามปกติ มีคุณภาพชีวิตที่ดี ประกอบอาชีพได้ หลังปลูกถ่ายไตแล้วผู้ป่วยสามารถตั้งครรภ์และมีบุตรได้ตามปกติ
คุณสมบัติของผู้รับการปลูกถ่ายไต (Recipient)
ความเสี่ยงและภาวะแทรกซ้อน ในการผ่าตัดปลูกถ่ายไต
ภาวะปฏิเสธไตมีหลายประเภท ดังนี้
ในกรณีที่เกิดการปฏิเสธไตใหม่ ถ้ารีบให้การรักษาโดยทันทีอาจจะมีโอกาสที่ไตใหม่ กลับมาทํางานได้เหมือนเดิม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจไม่สามารถแก้ไขได้
ในกรณีที่เกิดการปฏิเสธไตใหม่ ถ้ารีบให้การรักษาโดยทันทีอาจจะมีโอกาสที่ไตใหม่กลับมาทํางานได้เหมือนเดิม แต่หากปล่อยทิ้งไว้นานอาจไม่สามารถแก้ไขได้
การผ่าตัดปลูกถ่ายไตจากผู้บริจาคที่มีชีวิต (Living Related Kidney Transplant)
คนส่วนใหญ่เกิดมาพร้อมกับมีไต 2 ข้าง หลังจากบริจาคไต ไตที่ยังเหลืออยู่จะมีขนาดใหญ่ขึ้นและทํางานแทนที่ไตที่บริจาคไป ผู้บริจาคจะต้องมีกรุ๊ปเลือดที่เข้ากันได้กับผู้รับ การตรวจเลือด จะแสดงให้เห็นว่าผู้บริจาคและผู้รับเข้ากันได้หรือไม่ HLA Typing และการตรวจ DNA ในที่นี้รวมถึงการเข้ากันได้ทางพันธุกรรม เพื่อ กําหนดยีนที่สามารถใช้ร่วมกันได้มีจํานวนเท่าไรยีนที่เข้ากันได้มาก จะเป็นประโยชน์ต่อผู้รับไตสามารถอยู่ได้นาน
นอกจากนี้ยังมีการตรวจผสมเลือด Lymphocyte crossmatch ซึ่งมีความสําคัญมาก เป็นวิธีการตรวจเพื่อให้ทราบว่าผู้รับไตมีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเซลล์ เม็ดเลือดของผู้บริจาคไตอย่างไร ตัวอย่างเลือดของผู้บริจาคไตจะถูกผสมกับเลือดของผู้รับไต ซึ่งจะต้องไม่มีปฏิกิริยาตอบสนองต่อเลือดของผู้บริจาคการตรวจด้วยวิธีนี้เป็นการคาดคะเนว่า ผู้รับไตจะมีปฏิกิริยาต่อไตผู้บริจาคหรือไม่ ถ้าผลการตรวจเป็นลบ หมายความว่า ผู้รับไตไม่มี ปฏิกิริยาตอบสนองต่อเซลล์ของผู้บริจาค ก็จะสามารถทําการผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้ โอกาส ความสําเร็จในการปลูกถ่ายไตก็จะมีมาก
โดยธรรมชาติมนุษย์เกิดมาพร้อมกับมีไต 2 ข้าง หากเรามี สุขภาพร่างกายที่แข็งแรงการบริจาค ไต 1 ข้าง ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการทํางานในชีวิตประจําวัน สามารถทํางานและทํากิจกรรมต่าง ๆ ได้ ตามปกติการมีไตข้างเดียวสามารถที่จะรับภาระในการกําจัดของเสียและน้ำส่วนเกินตลอดจนทํา หน้าที่อื่น ๆ ของไตได้มีประสิทธิภาพและเพียงพออยู่แล้ว และจากการรวบรวมข้อมูลวิจัยในอดีต ในระยะเวลาหลายสิบปีจากหลายประเทศทั่วโลก พบว่าหลังจากที่เหลือไตข้างเดียวแล้ว ก็ไม่ได้ เป็นสาเหตุของการเกิดโรคไตอื่น ๆ ตามมาในภายหลัง เมื่อเปรียบเทียบกับผู้ที่ไม่ได้บริจาคไต หรือถ้ามีก็น้อยมาก เช่น ความดันโลหิตอาจสูงได้ มีไข่ขาวรั่วในปัสสาวะได้ และอายุขัยก็ยืนยาว เท่าคนปกติ
คุณสมบัติของผู้บริจาคไตที่มีชีวิต (Living Related Donor)
ข้อดี ของการได้ไต : จากผู้บริจาคที่มีชีวิต
ภาวะแทรกซ้อนหลังผ่าตัดปลูกถ่ายไตได้แก่
การพบแพทย์อย่างสม่ำเสมอหลังการปลูกถ่ายไตนั้นเพื่อ
สอบถามและลงทะเบียนสมัครรอรับไตบริจาคติดต่อ 064-5646059
โรงพยาบาลรามคำแหง
436 ถ. รามคำแหง แขวงหัวหมาก เขตบางกะปิ กรุงเทพฯ 10240
1512, 02-743-9999
แฟกซ์ 0 2374 0804
support@ram-hosp.co.th