แผลเบาหวานที่เท้า ถ้าหากรักษาถูกวิธีก็ไม่จำเป็นต้องตัดขา

February 08 / 2024

แผลเบาหวาน

แผลเบาหวานที่เท้า รักษาถูกวิธีก็ไม่จำเป็นต้องตัดขา

 

 

โรคเบาหวาน เป็นโรคเรื้อรังที่ส่งผลต่อระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วย และเป็นสาเหตุให้เกิดภาวะแทรกซ้อนต่าง ๆ รวมถึงบาดแผลที่เท้า แผลเหล่านี้ มักเกิดจากการบาดเจ็บ การติดเชื้อ หรือการไหลเวียนของเลือดที่ไม่มีประสิทธิภาพ ทำให้เกิดการอักเสบอย่างรุนแรง ดังนั้น นอกจากการดูแลตัวเองและควบคุมระดับน้ำตาลให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสม ผู้ป่วยควรหมั่นสังเกตตัวเองด้วยว่ามีแผลหรือไม่ เพราะหากรีบเข้าพบแพทย์และรับการรักษาอย่างเหมาะสม ก็สามารถหายขาด และลดความเสี่ยงในการตัดอวัยวะลงได้

 

สารบัญ

 

แผลเบาหวาน คือ

 

แผลเบาหวาน คืออะไร

แผลเบาหวาน คือ แผลเรื้อรังที่พบได้บ่อยในผู้ป่วยโรคเบาหวานที่ควบคุมระดับน้ำตาลได้ไม่ดีเท่าที่ควร ส่งผลให้ผู้ป่วยมีเส้นเลือดตีบ และมีอาการเสื่อมของระบบประสาทรับความรู้สึกส่วนปลาย โดยผู้ป่วยมักเกิดอาการชา และไม่ทราบว่ามีบาดแผลบริเวณเท้า หรือบริเวณอื่น ๆ ของร่างกายเช่น ขา และนิ้วมือ เมื่อประกอบกับการไหลเวียนของเลือดที่ไม่มีประสิทธิภาพ บาดแผลจึงติดเชื้อลุกลามและมีการอักเสบรุนแรงมากยิ่งขึ้น

 

แผลเบาหวาน เกิดจาก

 

แผลเบาหวาน เกิดจากอะไร

ระดับน้ำตาลในเลือดของผู้ป่วยโรคเบาหวานที่เพิ่มสูงขึ้นเป็นระยะเวลานานมักส่งผลให้เส้นประสาททำงานผิดปกติ รวมไปถึงเกิดการตีบแข็งและอุดตันของหลอดเลือดบริเวณเท้าและขา ผู้ป่วยโรคเบาหวานส่วนใหญ่จึงมักเกิดบาดแผลได้ง่าย และไม่รู้ตัวว่ากำลังมีบาดแผลอยู่เนื่องจากเท้าและขาสูญเสียการรับรู้ความเจ็บปวด บาดแผลจึงมักหายช้า และเกิดการอักเสบและลุกลาม และภาวะน้ำตาลในเลือดสูง ทำให้ภูมิต้านทานต่อการติดเชื้อลดลง ทำให้แผลที่เกิดขึ้นมีโอกาสติดเชื้อลุกลามได้รวดเร็ว นอกจากนี้ผลแทรกซ้อนของเบาหวานในระยะยาวทำให้หลอดเลือดมีการตีบตัน ส่งผลให้เกิดการขาดเลือดบริเวณแผล ทำให้แผลไม่หายและลุกลามมากขึ้น

 

แผลเบาหวาน อันตราย

 

อันตรายของแผลเบาหวาน

แม้ในระยะเริ่มต้น อาจไม่มีอาการบ่งชี้ถึงการเกิดแผลเบาหวาน โดยสัญญาณแรกของแผลเบาหวานมักปรากฏให้เห็นเมื่อเส้นเลือดเกิดการตีบตันมากขึ้น ผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการปวดขาเมื่อเดินได้สักระยะหนึ่ง จนทำให้ต้องหยุดพัก

 

ในระยะต่อมาเมื่อมีการตีบตันอย่างรุนแรง ผู้ป่วยจะสามารถเดินได้น้อยลง รู้สึกเจ็บปวด ซึ่งในระยะนี้ มักสังเกตพบแผลเบาหวาน หรือนิ้วเท้าดำเกิดขึ้น ซึ่งแผลเหล่านี้ไม่สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการปกติ และอาจทำให้สูญเสียขาได้ในที่สุด ทั้งนี้ มีผู้ป่วยจำนวนมากที่ไม่มีอาการปวดขาใด ๆ แต่มาพบว่ามีบาดแผลและรักษาไม่หายก็เป็นได้

 

ลักษณะของแผลเบาหวาน มีดังนี้

แผลหายช้า

แผลหายช้า เนื่องจากแผลเบาหวานมักเกิดจากหลอดเลือดแดงตีบ ทำให้เลือดนำออกซิเจนและสารอาหารไปเลี้ยงอวัยวะส่วนปลายได้ไม่ดีเท่าที่ควร เมื่อแผลขาดเลือดไปเลี้ยง จึงทำให้แผลหายยากกว่าปกติและลุกลามได้

แผลเรื้อรัง รักษายาก

แผลเรื้อรัง รักษายาก เนื่องจากน้ำตาลในเลือดส่งผลให้ระบบประสาททำงานผิดปกติ เกิดเป็นภาวะเส้นประสาทเสื่อม ผู้ป่วยจึงมักมีอาการชาหรือไร้ความรู้สึกบริเวณเท้า เมื่อเกิดบาดแผล จึงมักไม่รู้ตัวทำให้บาดแผลลุกลามเรื้อรัง การควบคุมน้ำตาลได้ไม่ดี จะส่งผลทำให้แผลหายยากขึ้น

ประสาทอัตโนมัติเสื่อม

ประสาทอัตโนมัติเสื่อมลงเมื่อเส้นประสาททำงานได้ไม่ดี ต่อมไขมันและต่อมเหงื่อจึงหลั่งไขมันลดลง มีผลทำให้ผิวแห้ง แตก และเกิดบาดแผลได้ง่าย

เท้าผิดรูป

เท้าผิดรูปเมื่อระบบประสาทสั่งการผิดปกติ ส่งผลให้กล้ามเนื้อทำงานผิดปกติและเกิดเท้าผิดรูป เมื่อประกอบกับผิวหนังแห้งเป็นหนังหนา หรือ ‘ตาปลา’ (Callus) นูนออกมากดทับเนื้อเยื่อข้างใต้ ก็ทำให้เนื้อเยื่อส่วนนั้นได้รับการเสียดสีหรือแรงกดทับซ้ำ ๆ เป็นระยะนาน เป็นเหตุให้เนื้อเยื่อตายลง

ปลายประสาทรับความรู้สึกเสื่อม

ปลายประสาทรับความรู้สึกเสื่อมเมื่อรับรู้ความรู้สึกได้น้อยลง จึงทำให้ไม่รู้สึกเจ็บ และไม่รู้ว่าเกิดบาดแผล จึงทำให้แผลเกิดการอักเสบเรื้อรัง

 

แผลเบาหวาน มีกี่ระดับ

ระดับความรุนแรงของแผลเบาหวาน มีกี่ระดับ อะไรบ้าง

ระดับความรุนแรงของแผลเบาหวานแบ่งออกได้เป็น 4 ระดับ ดังนี้


  • ระดับ 0 ไม่มีอาการของแผลเปื่อย
  • ระดับ 1 มีแผลเกิดขึ้น แต่ยังไม่พบการอักเสบ
  • ระดับ 2 แผลลึกจนสามารถมองเห็นเส้นเอ็นและกระดูก
  • ระดับ 3 แผลเกิดการอักเสบและลุกลามเป็นบริเวณกว้าง และอาจมีฝีเกิดขึ้น

 

สัญญาณ แผลเบาหวาน

 

สัญญาณเตือนโรคแผลเบาหวานที่เท้า

มาดูกันว่าสัญญาณเตือนโรคแผลเบาหวานที่เท้ามีอะไรบ้าง เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดปัญหาตามมาในภายหลัง

ขนน้อยลง

ขนน้อยลงเมื่อเลือดไม่สามารถไปหล่อเลี้ยงและส่งสารอาหารไปยังบริเวณแขน ขา หรือนิ้วเท้าได้ตามปกติ มีผลทำให้ขนขึ้นน้อย และอาจมีอาการซีดร่วมด้วย

สีผิวคล้ำขึ้น

สีผิวคล้ำขึ้นเมื่อเลือดไหลเวียนได้ไม่ดีและเกิดการอุดตัน จึงส่งผลให้สีผิวบริเวณเท้า หรือปลายนิ้วมื้อมีลักษณะคล้ำกว่าปกติ

คลำชีพจรหลังเท้าไม่เจอ

คลำชีพจรหลังเท้าไม่เจอ เนื่องจากผิวหนังมีลักษณะหนาขึ้น จึงไม่สามารถตรวจจับชีพจรได้ตามปกติ

อุณหภูมิเท้าทั้งสองข้างไม่เท่ากัน

อุณหภูมิเท้าทั้งสองข้างไม่เท่ากัน เนื่องจากการไหลเวียนของเลือดไม่สม่ำเสมอ จึงส่งผลให้เท้าเย็นกว่าปกติ

มีแผลเรื้อรัง

มีแผลเรื้อรังลักษณะบาดแผลมีการอักเสบ รักษาตามปกติไม่หายหรือมีอาการแย่ลง

ผิวหนังแห้งคัน เล็บหนาขึ้น

ผิวหนังบริเวณนี้มักแห้งคัน และพบว่าเล็บหนาขึ้นหรือแตกร่อน ซึ่งหากปล่อยไว้อาจทำให้เกิดแผลจากการกดทับหรือเล็บขบได้

น้ำเหลืองไหล มีกลิ่นเหม็น

น้ำเหลืองไหล มีกลิ่นเหม็นในผู้ป่วยที่เป็นแผลเรื้อรังมักพบว่าแผลเป็นหนอง ซึ่งเป็นสัญญาณเตือนของอาการเนื้อตาย โดยหากพบว่ามีของเหลวกลิ่นเหม็นไหลออกมาจากผิวหนัง ควรรีบพบแพทย์เพื่อทำการรักษาและลดความเสี่ยงในการตัดอวัยวะออก

 

แผลเบาหวาน รักษา

 

แผลเบาหวาน รักษาได้ ไม่ต้องตัดเท้า

การรักษาแผลเบาหวานที่เท้า ที่มีสาเหตุจากหลอดเลือดตีบตันเพียงเล็กน้อย อาจเริ่มต้นด้วยการใช้ยารักษา ส่วนในกรณีที่โรคมีความรุนแรงเพิ่มมากขึ้น แพทย์อาจพิจารณารักษาด้วยการสอดสายสวนขยายหลอดเลือด หรือการผ่าตัดต่อบายพาส เพื่อให้เลือดไปเลี้ยงที่ขาได้ตามปกติ

 

ในปัจจุบัน เทคนิคการสอดสายสวนขยายหลอดเลือดได้มีความก้าวหน้าไปมาก ทำให้สามารถสอดสายสวนระยะยาวได้มากกว่าในอดีต ส่งผลให้ผู้ป่วยส่วนใหญ่ที่มีการอุดตันของหลอดเลือดอย่างรุนแรงสามารถกลับมาใช้ชีวิตได้ตามปกติโดยไม่ต้องเข้ารับการผ่าตัด

 

 

แผลเบาหวาน ป้องกัน

 

วิธีดูแลรักษาแผลเบาหวาน

แนวทางการดูแลรักษาแผลเบาหวาน สามารถทำได้ง่าย ๆ ดังนี้

การรักษาแผลเบื้องต้นด้วยตนเอง

การรักษาแผลเบื้องต้นด้วยตนเองหากผู้ป่วยโรคเบาหวานเกิดแผลจากของมีคมหรือรอยขีดข่วน ควรรีบล้างแผลให้สะอาดด้วยสบู่อ่อน เช็ดให้แห้ง ใส่ยาฆ่าเชื้อ และปิดแผลด้วยผ้าปิดแผลที่แห้งและสะอาด ไม่ควรใช้แอลกอฮอล์เช็ดทำความสะอาดเพราะแอลกอฮอล์จะทำลายเนื้อเยื่อที่แผล แต่สามารถเช็ดทำความสะอาดรอบ ๆ บริเวณปากแผลได้

การรักษาโดยแพทย์

หากแผลมีอาการบวมแดงหรือมีน้ำหนอง แม้ไม่มีอาการเจ็บปวด ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะทำการรักษาโดยพิจารณาจากความรุนแรงของบาดแผลตามขั้นตอนต่างๆ ดังนี้

การทำแผล

กรณีมีหนองหรือการติดเชื้อรุนแรง แพทย์จะทำการเปิดแผลให้กว้าง เพื่อกรีดระบายหนองและตัดเนื้อที่ตายออก โดยต้องทำแผล 1-2 ครั้งต่อวัน และรักษาแผลให้มีความชุ่มชื้นเพิ่มขึ้น และลดปริมาณเชื้อแบคทีเรียในแผล

การใช้ยาปฏิชีวนะ

ขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์ โดยแพทย์จะพิจารณาจากลักษณะและความรุนแรงของบาดแผล

การหลีกเลี่ยงการใช้อวัยวะที่เป็นแผล

ผู้ป่วยควรพยายามเดินเท่าที่จำเป็น โดยแพทย์อาจพิจารณาสั่งทำแผ่นรองเท้าหรือรองเท้าพิเศษขึ้นเพื่อหลีกเลี่ยงการลงน้ำหนักบริเวณบาดแผล

การสอดสายสวนขยายหลอดเลือดหรือผ่าตัดหลอดเลือด

จะทำในกรณีที่แผลนั้นมีการขาดเลือด ซึ่งการพิจารณารักษาขึ้นอยู่กับความรุนแรงของการขาดเลือดและภาวะหลอดเลือดอุดตัน

 

วิธีรักษา แผลเบาหวาน

 

วิธีป้องกันไม่ให้เกิดแผลเบาหวาน

แผลเบาหวานจริง ๆ แล้วสามารถป้องกันได้ หากทำตามวิธีดังนี้

รักษาความสะอาดของเท้า

ควรล้างทำความสะอาดเท้า โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วด้วยสบู่เป็นประจำ หลังจากนั้นควรเช็ดหรือเป่าให้แห้ง โดยสามารถบำรุงผิวด้วยโลชั่นเพื่อให้ผิวอ่อนนุ่ม แต่ควรหลีกเลี่ยงบริเวณซอกนิ้วเท้าเพื่อป้องกันการอับชื้น

ตัดเล็บเท้าอย่างสม่ำเสมอ

ผู้ป่วยโรคเบาหวานควรดูแลเล็บไม่ให้ยาวหรือสั้นจนเกินไป และควรตัดอย่างระมัดระวัง ไม่ให้เกิดบาดแผล

สวมรองเท้าให้พอดีกับเท้า

เลือกสวมรองเท้าที่ขนาดพอดี สวมใส่สบาย เพื่อป้องกันอุบัติเหตุ รวมถึงควรตรวจสอบรองเท้าทุกครั้งก่อนสวมใส่ว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในรองเท้าและควรสวมถุงเท้าด้วยทุกครั้ง เพื่อลดการเสียดสีกับรองเท้า

สำรวจเท้าอย่างสม่ำเสมอ

หมั่นตรวจสอบว่ามีความผิดปกติเช่น รอยบวมแดง ผื่นคัน ตุ่มน้ำใส ขุยขาวที่ซอกนิ้ว ตาปลา รวมถึงสีเล็บที่เปลี่ยนไปหรือไม่ หรือมีแผลเกิดขึ้น กรณีแผลที่ไม่ดีขึ้นภายใน 1 สัปดาห์หรือมีอาการอักเสบบวมแดงหรือลุกลาม ควรรีบมาพบแพทย์ผู้ชำนาญโดยด่วน

 

แผลเบาหวาน ดูแล

 

สรุป

การดูแลรักษาแผลเบาหวานทั้งที่เท้าและบริเวณอื่น ๆ ในร่างกายเป็นเรื่องที่สำคัญและเร่งด่วน ดังนั้น จึงไม่ควรนิ่งนอนใจหากพบว่ามีบาดแผลหายช้า หรืออักเสบเรื้อรัง ผู้ป่วยควรรีบพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อรับการรักษาอย่างทันท่วงที ซึ่งจะสามารถช่วยลดโอกาสในการสูญเสียอวัยวะ และทำให้ผู้ป่วยสามารถกลับมาใช้ชีวิตประจำวันตามปกติได้อย่างราบรื่น

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน

ที่โรงพยาบาลรามคำแหงเรามีแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านโรคเบาหวาน ที่คอยให้คำแนะนำ ให้คำปรึกษา ตลอดจนการดูแลรักษาให้แก้ผู้ป่วยโรคเบาหวาน หลายท่าน อาทิ

  • นพ. สุทัศน์ ฮ้อศิริมานนท์
  • พญ.ศรีกร จินะดิษฐ์
  • นพ. พูนศักดิ์ เลาหชวลิต

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม

โรงพยาบาลรามคำแหง
โทร. 0 2743 9999 , 0 2374 0200-16 แฟกซ์ 0 2374 0804

อ้างอิงจาก

https://www.ncbi.nlm.nih.gov/books/NBK499887/

Premium Health package ผู้หญิง

ถึงเวลาดูแลสุขภาพอย่างใส่ใจ เราพร้อมดูแลคุณอย่างอบอุ่น

ราคา 3,990 บาท

โปรแกรมผ่าตัดถุงน้ำดี อัตราเหมาจ่าย โรงพยาบาลรามคำแหง

รักษานิ่วในถุงน้ำดีโดยใช้กล้องวิดิทัศน์ ผู้ป่วยไม่ต้องกังวลกับผลแทรกซ้อนที่เกิดขึ้นจากแผลผ่าตัดใหญ่ๆ อีกต่อไป

ราคา 99,500 บาท

ผ่าตัดเหมาจ่ายต้อกระจก

ต้อกระจกเกิดจากการขุ่นมัวของเลนส์แก้วตา สามารถรักษาให้มองเห็นได้ โดยการผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์แก้วตา

ราคา 31,300-98,500 บาท

แพ็กเกจศูนย์หัวใจ ขยายหลอดเลือดหัวใจตีบ แบบไม่ต้องผ่าตัด

ราคา 33,000-120,000 บาท

โปรแกรมตรวจสุขภาพ Platinum Check up สำหรับกลุ่มสุภาพสตรี

แพ็กเกจตรวจสุขภาพ RAM Platinum รายละเอียด เช่น การตรวจหัวใจและหลอดเลือด ร่วมกับการตรวจหาแคลเซียมที่ผนังหลอดเลือด ตรวจหัวใจด้วยคลื่นเสียงสะท้อนความถี่สูง เป็นต้น

ราคา 30,990 บาท

บันทึกการเต้นของหัวใจในโลกยุคดิจิทัล "ป้องกันภาวะหัวใจวาย"

Multiday Patch Holter (แผ่นบันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจ) อุปกรณ์บันทึกคลื่นไฟฟ้าหัวใจชนิดแผ่น แปะติดที่หน้าอก สามารถบันทึกการเต้นของหัวใจติดต่อกันได้หลายๆ วัน

ราคา 6,000 บาท