พญ. ธัญรดา เลี่ยมเส้ง
หู คอ จมูก
นอนกรน (Snoring) คือภาวะหายใจเสียงดังผิดปรกติขณะนอนหลับ ซึ่งเกิดจากการปิดกั้นของทางเดินหายใจส่วนบนบางส่วน และกรนดังมากขึ้นเมื่ออยู่ในท่านอนหงาย พบได้มากในเพศชาย และจะมีอาการหนักขึ้นเมื่ออายุมากขึ้น บางรายที่ไม่รุนแรงสามารถบรรเทาลงได้ด้วยการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น นอนตะแคง หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ก่อนเข้านอน
ภาวะนอนกรนเกิดจากการหย่อนตัวของกล้ามเนื้อบริเวณคอหอยและผนังลำคอขณะหลับ ทำให้เกิดภาวะอุดกั้นทางเดินหายใจในบางจุดจนเกิดการสั่นสะเทือนของกล้ามเนื้อ เนื้อเยื่อ เพดานอ่อน ผนังคอหอย โคนลิ้น รวมไปถึงลิ้นไก่ เมื่อระบบทางเดินหายใจแคบลง การหายใจผ่านบริเวณดังกล่าวจึงเกิดเสียงกรนในที่สุด เมื่ออาการรุนแรงขึ้นจะส่งผลต่อการหายใจ ทำให้ไม่สามารถหายใจได้ชั่วขณะหนึ่งหรือเรียกว่า “ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ”
อาการนอนกรนและภาวะหยุดหายใจขณะหลับ เกิดจากปัจจัยเสี่ยงหลายประการ ได้แก่
อาการระดับเริ่มต้นมักเป็นการนอนกรนแบบทั่วไป ไม่บ่อยและมีเสียงไม่ดังมาก ซึ่งยังไม่ส่งผลต่อการหยุดหายใจในขณะนอนหลับ แต่อาจส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของบุคคลที่นอนข้าง ๆ
ระดับถัดมาคือการนอนกรนที่เกิดขึ้นบ่อยหรือมากกว่า 3 วันต่อสัปดาห์ การนอนกรนในระดับนี้อาจส่งผลต่อการหายใจในระดับน้อยถึงปานกลางในขณะนอนหลับ ทำให้รู้สึกง่วงและเหนื่อยในเวลากลางวัน
ความรุนแรงระดับที่ 3 คือการนอนกรนเป็นประจำทุกวันและมีเสียงดัง การนอนกรนในระดับนี้มักเกิดภาวะหยุดหายใจขณะหลับร่วมด้วย ซึ่งอาจเกิดการปิดกั้นทางเดินหายใจบางส่วนหรือทั้งหมดเป็นเวลาประมาณ 10 วินาที ทำให้ออกซิเจนไปเลี้ยงสมองไม่เพียงพอจนส่งผลต่อการใช้ชีวิต
แพทย์แนะนำให้ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในเบื้องต้น กรณีผู้ที่มีภาวะนอนกรนในระดับที่ไม่รุนแรง เช่น ลดน้ำหนัก หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์โดยเฉพาะในช่วงเวลาก่อนเข้านอน เปลี่ยนท่านอนจากนอนหงายเป็นนอนตะแคง เป็นต้น ส่วนผู้ที่มีภาวะนอนกรนในระดับรุนแรงหรือมีสาเหตุการกรนมาจากภาวะหยุดหายใจขณะหลับ แพทย์อาจมีแนวทางในการรักษาดังต่อไปนี้
การนอนกรนส่งผลต่อทั้งสุขภาพของผู้ที่นอนกรนเองและรบกวนบุคคลที่นอนข้าง ๆ พบได้มากในเพศชาย และมีอาการหนักขึ้นเมื่ออายุมาก
แก้ไข
25/08/2565
หู คอ จมูก