นพ. สิทธิวุฒิ ฟูตระกูล
กุมารแพทย์
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
“กุมารแพทย์ รพ.รามคำแหง” แจงภัย “ฝุ่นพิษ PM 2.5”
นพ.สิทธิวุฒิ ฟูตระกูล
กุมารแพทย์ ผู้เชี่ยวชาญด้านทารกแรกเกิด
ฝุ่นพิษขนาดจิ๋วนี้มีอยู่ทั่วไปและเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้ เช่น การสูบบุหรี่ ประกอบอาหารปิ้งย่าง จุดธูปเทียน แม้กระทั่งการถ่ายเอกสารหรือสาเหตุหลัก ๆ ที่ทราบกันดีอยู่แล้วคือการปล่อยควันพิษ ไอเสียจากรถยนต์และโรงงานอุตสาหกรรม การเผาไหม้เชื้อเพลิง เช่น ถ่าน การเผาแผ้วถางป่า ปฏิกิริยาของแก๊สบนชั้นบรรยากาศจากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์และโรงงานอุตสาหกรรม โรงพยาบาลรามคำแหงจึงได้รับเกียรติจากกุมารแพทย์มาร่วมวิธีดูแลตัวเองและลูกน้อยให้พ้นภัยจากฝุ่นพิษ PM 2.5
กรมควบคุมมลพิษได้กำหนดค่าดัชนีคุณภาพอากาศ หรือเรียกง่าย ๆ ว่า AQI ซึ่งเป็นการรายงานข้อมูลความเข้มข้นของสารมลพิษทางอากาศ 6 ชนิดรวมกัน ได้แก่ PM 2.5, PM 10, ก๊าซโอโซน (Ozone: O3 ), ก๊าซคาร์บอนมอนอกไซด์ (CO) , ก๊าซไนโตรเจนไดออกไซด์ (NO) และก๊าซซัลเฟอร์ไดออกไซด์ (SO2)
อ้างอิงรูปภาพ : https://www.sangchaimeter.com/article/277/DIGICON_AQ-16Series
เพื่อให้ง่ายต่อความเข้าใจของประชาชนจึงแบ่งเป็น 5 ระดับสี โดยมีหน่วยวัดเป็นไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งแจกแจงได้ดังนี้
หากมีระดับสีเหลืองขึ้นไปก็เท่ากับว่าเราจำเป็นต้องหลีกเลี่ยงลดการสัมผัส เฝ้าระวังสุขภาพและต้องใช้อุปกรณ์เพื่อป้องกันฝุ่นพิษจิ๋ว
กรณีของฝุ่นพิษ PM 2.5 ตัวฝุ่นจะมีขนาดอยู่ที่ 22 ไมโครกรัมต่อลูกบาศก์เมตรซึ่งเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 1 มวน โดยประมาณการว่าในปี 2565 ปริมาณ PM 2.5 ที่ชาวกรุงเทพมหานครได้สูดดมเข้าไปจะเทียบเท่ากับการสูบบุหรี่ 1,225 มวนต่อปีหรือเฉลี่ยวันละ 3.36 มวนต่อวัน ดังนั้นผลเสียเมื่อสูดดมเข้าไปจึงก่อเกิดการระคายเคืองที่เยื่อบุทางเดินหายใจก่อนลงลึกไปถึงถึงลมเล็ก ๆ ในปอดและแทรกซึมเข้าสู่กระแสเลือดผ่านหลอดเลือดฝอยเล็ก ๆ
ฝุ่นพิษ PM 2.5 ส่งผลกระทบต่อระบบหายใจและระบบอื่น ๆ ของร่างกาย ดังนี้
เนื่องจากถูกทำลายในระหว่างการแบ่งเซลล์ ทำให้ส่วนปลายสุดของโครโมโซมเทโลเมียร์ หดสั้นลงมากกว่าปกติ ทั้งยังก่อเกิดกระบวนการอักเสบตามมา
ปรากฏการณ์ดังกล่าวทำให้เกิดความผิดปกติแก่ทารกในครรภ์ ทำให้เกิดการกลายพันธุ์และส่งผลให้สารอนุมูลอิสระไปสะสมที่ตับ ซึ่งตามปกติแล้วตับเป็นอวัยวะที่ทำหน้าที่เสมือนโรงงานกำจัดของเสีย โดยมีสารสำคัญหลายอย่างที่ช่วยกำจัดสารพิษ อย่างไรก็ตาม เมื่อสารสำคัญดังกล่าวเริ่มลดน้อยลงจึงส่งผลให้กำจัดพิษหรือของเสียอื่นในร่างกายได้ไม่มีประสิทธิภาพและเกิดโรคเรื้อรังอื่นตามมา
เริ่มต้นด้วยการสร้างเม็ดเลือดขาวเพิ่มสูงขึ้นจากกระบวนการอักเสบ ทำให้เกิดภูมิต้านทานของร่างกายตกต่ำ ติดเชื้อง่าย เกิดโรคภูมิแพ้และโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจและหลอดเลือด หลอดเลือดสมองตีบและมะเร็งต่าง ๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งมะเร็งปอด
อ่านเพิ่มเติม: ฝุ่น PM2.5 เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งปอด
ฝุ่นพิษขนาดจิ๋วยังเป็นผลร้ายตามติดทารกกระทั่งถึงวัยเด็กเล็ก
สตรีมีครรภ์โดยเฉพาะอย่างยิ่งอายุครรภ์น้อยกว่า 6 เดือนควรระมัดระวังและหลีกเลี่ยงการออกไปสัมผัสฝุ่นพิษจิ๋ว หากมีกิจกรรมกลางแจ้งควรตรวจสอบค่าดัชนีคุณภาพอากาศควรสวมหน้ากากอนามัยป้องกันไว้เสมอหากจำเป็นต้องออกไปสัมผัสอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
กุมารแพทย์