ผู้ที่เป็นโรคความดันโลหิตสูงมีโอกาสเสียชีวิตจากหัวใจวายถึง 60 - 75 เปอร์เซ็นต์ เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่มีความดันโลหิตสูงและมักไม่รู้ว่าเป็น เพราะไม่แสดงอาการ เเต่เมื่อเริ่มมีอาการหรือภาวะแทรกซ้อนแล้วจึงเริ่มสนใจและรักษา สิ่งนั้นอาจทำให้ผลการรักษาไม่ดีเท่าที่ควร ซึ่งการควบคุมความดันโลหิตให้ปกติอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถลดโอกาสเกิดโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้
ผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูงอาจไม่มีอาการใดเลย หรืออาจพบว่ามีอาการปวดศีรษะ มึนงง เวียนศีรษะ แน่นหน้าอก นอนไม่หลับหรือเหนื่อยง่ายผิดปกติ
ความดันโลหิตสูงอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนได้ 2 กรณีด้วยกัน คือ
การตรวจคลื่นไฟฟ้าหัวใจ หรือ “EKG” เป็นการตรวจคลื่นไฟฟ้าที่เกิดขึ้นในกล้ามเนื้อหัวใจผ่านทางสื่อนำคลื่นไฟฟ้าขนาดเล็กที่วางไว้ตามจุดต่างๆ ของร่างกาย เพื่อบันทึกกราฟแสดงคลื่นไฟฟ้าหัวใจลงบนกระดาษซึ่งง่ายและสะดวกในการตรวจและไม่เจ็บซึ่งอาจจะพบภาวะหัวใจโตจากความดันโลหิตสูง หรือ อาจพบลักษณะเส้นเลือดหัวใจอุดตันเกิดเป็นภาวะแทรกซ้อนทางความดันโลหิตสูงได้ แต่อาจไม่พบสิ่งผิดปกติ และอาจต้องใช้การทดสอบสมรรถภาพหัวใจด้วยการออกกำลังกายต่อไป
การส่งคลื่นความถี่ลงไปบริเวณหัวใจ เมื่อตกกระทบส่วนต่างๆ ก็จะสะท้อนกลับมายังเครื่องจะทำให้เห็นการเคลื่อนและการบีบตัวของหัวใจปกติหรือไม่ ความเร็วและความดันเลือดในห้องหัวใจเป็นอย่างไร มีภาวะกล้ามเนื้อหัวใจหนา หัวใจโตจากความดันโลหิตสูงหรือไม่ ตลอดจนการตรวจดูความพิการของหัวใจการทำงานของลิ้นหัวใจและโรคหัวใจอื่นๆ เพื่อช่วยตัดสินใจว่าจะใช้ การรักษาด้วยยาหรือการผ่าตัด การตรวจวิธีนี้สามารถดูได้จากจอแสดงผล และเก็บไว้เป็นรูปภาพได้ เพื่อการตรวจสอบต่อไปซึ่งอาจเรียกว่า “ตรวจเอ็กโคหัวใจ”
อีกชื่อคือการตรวจ EST (Exercise Stress Test) เป็นการตรวจดูสมรรถภาพหัวใจโดยให้ผู้ป่วยเดินบนสายพานเลื่อน หรือปั่นจักรยานเพื่อทดสอบดูการทำงานของหัวใจขณะทำงานหนัก ดูปริมาณออกซิเจนจากเลือดและปริมาณเลือดมาเลี้ยงนั้นเพียงพอหรือไม่
กรณีผู้ป่วยเป็นโรคหลอดเลือดหัวใจตีบตันอยู่แล้ว เมื่อเข้ารับการทดสอบคลื่นไฟฟ้าหัวใจ จะแสดงภาพของกล้ามเนื้อหัวใจที่ขาดเลือดได้ชัดเจนและบอกระดับความรุนแรงของโรคว่าควรเข้ารับการตรวจเพิ่มด้วยการฉีดสีสวนหัวใจหรือไม่
การตรวจชนิดนี้ใช้เครื่อง ABI (Ankle - Brachail Index) เป็นหลัก ซึ่งช่วยวัดความผิดปกติของหลอดเลือดด้วยการวัดแรงดันโลหิตตรงส่วนปลายขา ก่อนเทียบสัดส่วนของแรงดันโลหิตที่แขนข้างเดียวกัน วิธีนี้ช่วยบ่งชี้โอกาสเสี่ยงเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ภาวะอัมพฤกษ์-อัมพาตจากโรคหลอดเลือดสมองได้
เพื่อตรวจพยาธิสภาพของหลอดเลือดหัวใจโดยไม่ต้องใส่สายสวนผ่านหลอดเลือดแดง เพื่อใช้ในการวินิจฉัยหลอดเลือดหัวใจ อีกทั้งสามารถตรวจหาปริมาณแคลเซียมหรือหินปูนที่เกาะตามผนังหลอดเลือดหัวใจ และสามารถตรวจการทำงานของกล้ามเนื้อหัวใจ ลักษณะทางกายภาพของหัวใจและเยื่อหุ้มหัวใจ ภาพที่ได้จะถูกประมวลผลด้วยเครื่องคอมพิวเตอร์ที่มีประสิทธิภาพ ชัดเจนและแม่นยำ ใช้เวลาตรวจเพียง 15 – 30 นาที ผู้รับการตรวจสามารถกลับบ้านได้ทันทีเมื่อตรวจเสร็จ
วิทยาการแพทย์ล่าสุดซึ่งใช้ตรวจและแสดงภาพอวัยวะต่าง ๆ ได้ใกล้เคียงอวัยวะจริงมากที่สุด ทั้งยังมีความไวและความจำเพาะในการวินิจฉัยโรค ทำให้วินิจฉัยโรคได้แม่นยำสูง เพียงส่งผ่านความถี่วิทยุไปยังผู้ป่วยในอุโมงค์สนามแม่เหล็ก ซึ่งช่วยบอกความสามารถในการบีบตัวของหัวใจในระดับโครงสร้างลิ้นหัวใจ และยังสามารถใช้ดูหลอดเลือดหัวใจว่าอุดตันหรือไม่
ควรควบคุมความดันโลหิตให้ปกติอย่างสม่ำเสมอ จะสามารถลดโอกาสเกิดโรค อัมพฤกษ์ อัมพาต หรือโรคกล้ามเนื้อหัวใจขาดเลือดได้