โรคไตเรื้อรังเป็นเหมือน "ภัยเงียบ" ที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ โดยที่คุณอาจไม่รู้ตัว จนกระทั่งอาการรุนแรงถึงขั้นต้องฟอกไต การสูญเสียสุขภาพไตไป อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็นการทำงาน การใช้ชีวิตประจำวัน หรือแม้แต่ความสัมพันธ์กับผู้อื่น ในปัจจุบันวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนแปลง มีการดูแลตัวเองน้อยลง ทำให้ค่าเฉลี่ยการเกิดโรคไตเกิดกับวัยรุ่นมากขึ้น หากคุณเป็นหนึ่งในคนรุ่นใหม่ที่กังวลเกี่ยวกับสุขภาพไตหมอเฉพาะทางโรคไต จะพาคุณไปทำความเข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้คนรุ่นใหม่เสี่ยงเป็นโรคไตมากขึ้น พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลสุขภาพไตเบื้องต้น เพื่อให้คุณมีสุขภาพที่ดีและมีอายุยืน
ชีวิตที่เร่งรีบของคนวัยทำงาน ทำให้หลายคนละเลยดูแลสุขภาพ และกำลังเผชิญกับภัยเงียบอย่าง "โรคไต" ที่ค่อย ๆ กัดกินสุขภาพโดยไม่รู้ตัว การดื่มกาแฟเย็นแก้วโปรดทุกวัน หรือการทานอาหารจานด่วนหลังเลิกงาน อาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ไตทำงานหนักเกินไปและเสื่อมสภาพเร็วกว่าที่คิด รู้หรือไม่ว่า โรคไตเรื้อรังกำลังแพร่ระบาดในกลุ่มคนวัยทำงานมากขึ้นเรื่อย ๆ และสาเหตุส่วนใหญ่มาจากพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ไม่เหมาะสม โรคไตเหมือนกับเครื่องกรองของเสียในร่างกาย เมื่อเครื่องกรองเสียหาย ของเสียก็จะสะสมในร่างกาย ทำให้เกิดโรคแทรกซ้อนต่าง ๆ โดยสามารถแบ่งปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ออกเป็น 5 ด้านหลัก ดังนี้
หลายคนมักเข้าใจผิดว่าอาหารที่ทำลายไตคืออาหารรสเค็มจัดเท่านั้น แต่ความจริงแล้ว อาหารที่มีโซเดียมสูงนั้นซ่อนตัวอยู่ในหลากหลายรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นเครื่องปรุงรสต่าง ๆ เช่น ซอสมะเขือเทศ ซอสพริก หรือแม้แต่ในอาหารแปรรูปอย่างแฮม เบคอน และอาหารกระป๋องต่าง ๆ การบริโภคอาหารเหล่านี้เป็นประจำจะส่งผลให้ไตต้องทำงานหนักขึ้นในการขับโซเดียมส่วนเกินออกจากร่างกาย
นอกจากอาหารการกินแล้ว พฤติกรรมการใช้ชีวิตประจำวันก็มีส่วนสำคัญในการทำลายสุขภาพไต การขาดการออกกำลังกายเป็นประจำ ทำให้ร่างกายขาดความแข็งแรงและเสี่ยงต่อการเกิดโรคเรื้อรังต่าง ๆ เช่น โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อการทำงานของไต นอกจากนี้ การดื่มน้ำน้อยเกินไปก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยเสี่ยง เนื่องจากไตต้องการน้ำในการช่วยขับของเสียออกจากร่างกาย หากร่างกายขาดน้ำ ไตจะทำงานหนักขึ้นและเสี่ยงต่อการเกิดนิ่วในไตได้
โรคบางชนิด เช่น โรคเบาหวานและความดันโลหิตสูง เป็นปัจจัยเสี่ยงหลักที่นำไปสู่โรคไตเรื้อรัง น้ำตาลในเลือดที่สูงและความดันโลหิตที่สูงเกินไป จะทำลายหลอดเลือดฝอยในไต ทำให้ไตกรองของเสียได้ไม่ดี และในที่สุดก็จะนำไปสู่ภาวะไตวาย
ปัจจัยทางพันธุกรรมก็มีส่วนสำคัญในการกำหนดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคไต บางคนอาจมีกรรมพันธุ์ที่ทำให้เกิดโรคไตตั้งแต่กำเนิด เช่น โรคถุงน้ำในไต ซึ่งเป็นโรคทางพันธุกรรมที่ทำให้เกิดถุงน้ำขนาดเล็กในไต ทำให้ไตทำงานผิดปกติ
หากรู้สึกบวม โดยเฉพาะบริเวณขาและเท้า มีอาการเหนื่อยล้ามากกว่าปกติ ปวดหลัง หรือปัสสาวะผิดปกติ เช่น มีเลือดปน หรือปัสสาวะเป็นฟองบ่อยขึ้น นั่นอาจเป็นสัญญาณบ่งบอกว่าไตกำลังทำงานผิดปกติ ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพไตโดยทันที
การดูแลสุขภาพไตเป็นสิ่งสำคัญ เพราะไตเปรียบเสมือนเครื่องฟอกเลือด การตรวจสุขภาพเป็นประจำและการปรับเปลี่ยนพฤติกรรม เช่น การควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย จะช่วยให้มีไตที่แข็งแรง อย่าละเลยสัญญาณเตือนจากร่างกาย เพราะการตรวจพบโรคไตในระยะเริ่มต้นจะช่วยให้สามารถรักษาได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
โรคไต เป็นภัยเงียบที่ค่อย ๆ ทำลายสุขภาพของคุณ หากปล่อยทิ้งไว้ อาจนำไปสู่ภาวะแทรกซ้อนร้ายแรงได้มากมาย โรคไตแบ่งออกเป็น 2 ชนิดหลัก คือ
ไตวายเฉียบพลัน เกิดขึ้นอย่างฉับพลัน อาจเกิดจากการติดเชื้อ การแพ้ยา หรือภาวะขาดน้ำรุนแรง หากได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที ไตอาจกลับมาทำงานได้ตามปกติ แต่หากปล่อยทิ้งไว้ อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เช่น ความดันโลหิตสูง ภาวะหัวใจวาย ภาวะเลือดเป็นกรด และอาจนำไปสู่ไตวายเรื้อรังได้
ภาวะแทรกซ้อนไม่รุนแรง เช่น ภาวะฟอตเฟสในเลือดสูง, ภาวะแคลเซียมในเลือดต่ำ, ภาวะแมกนีเซียมในเลือดสูง หรือภาวะซีดเนื่องจากขาดฮอร์โมนอีริโทรพอยเอทิน ซึ่งจะส่งผลให้ร่างกายสร้างเม็ดเลือดแดงได้ไม่ดีเท่าที่ควร
ภาวะแทรกซ้อนรุนแรง เนื่องจากไตไม่สามารถขับน้ำได้ ทำให้เกิดการคั่งของน้ำในกระแสเลือด ซึ่งส่งผลให้ความดันโลหิตสูงและอาจเกิดภาวะหัวใจวายตามมาได้, ภาวะเลือดเป็นกรดที่ส่งผลให้หัวใจเต้นผิดจังหวะหรือหยุดเต้นได้เช่นกัน ภาวะแทรกซ้อนทางสมอง ทำให้เกิดอาการชัก หมดสติ, ภาวะติดเชื้อง่ายและรุนแรงเนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันต่ำ หรือไตถูกทำลายถาวรจากการรักษาล่าช้าและอาจกลายเป็นไตวายเรื้อรังในที่สุด
ไตวายเรื้อรัง เกิดจากการที่ไตถูกทำลายอย่างต่อเนื่องเป็นเวลานาน มักพบในผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และโรคไตอักเสบเรื้อรัง ภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยในผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง ได้แก่ ภาวะโลหิตจาง กระดูกพรุน คัน และภาวะแทรกซ้อนทางระบบประสาท
แนวทางป้องกันการเกิดโรคไต ที่หมอเฉพาะทางโรคไตแนะนำ และสามารถทำได้ทุกวัย
โรคไตสามารถรักษาได้หลายวิธี โดยแบ่งออกเป็น 2 แนวทางหลัก
◦ การฟอกเลือดด้วยเครื่องไตเทียม (Hemodialysis) : นำเลือดออกจากร่างกายผ่านเครื่องไตเทียมเพื่อขจัดของเสียและน้ำส่วนเกิน แล้วนำเลือดที่ฟอกแล้วกลับเข้าสู่ร่างกาย
◦ การล้างไตทางช่องท้อง (Peritoneal Dialysis) : ใส่น้ำยาล้างไตเข้าไปในช่องท้องเพื่อขจัดของเสีย โดยใช้เยื่อบุช่องท้องเป็นตัวกรอง หลังจากนั้นเปลี่ยนน้ำยาล้างไตเป็นถุงใหม่
◦ การปลูกถ่ายไต (Kidney Transplantation ) : รับการผ่าตัดเปลี่ยนไตจากผู้บริจาค ผู้รับไตต้องรับประทานยากดภูมิต้านทานอย่างสม่ำเสมอ
◦ สีผิวดำคล้ำน้อยกว่า เนื่องจากการขจัดของเสียมีประสิทธิภาพมากขึ้น
◦ ช่วยให้นอนหลับดีขึ้นและมีความอยากอาหารมากขึ้น
◦ ลดปัญหาภาวะซีดหรือโลหิตจาง
◦ ลดความเสี่ยงในการติดเชื้อ
◦ ลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ ทำให้มีอายุยืนยาวขึ้น
การดูแลสุขภาพไตเริ่มจากการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวัน เช่น การรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลือกอาหารที่มีโซเดียมต่ำ หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มีเกลือสูง รวมถึงการดื่มน้ำในปริมาณที่เพียงพออย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้หมอเฉพาะทางโรคไตยังบอกเพิ่มเติมอีกว่า การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอและการควบคุมน้ำหนักให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมยังมีส่วนสำคัญในการป้องกันโรคไต การหลีกเลี่ยงการใช้ยาที่ส่งผลกระทบต่อไตโดยไม่จำเป็นก็เป็นอีกวิธีหนึ่งที่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเกิดโรคนี้ได้ หากเรารู้จักใส่ใจและป้องกันตั้งแต่วันนี้ ก็จะช่วยให้ไตของเราทำงานได้ดีและมีสุขภาพที่แข็งแรงไปอีกยาวนาน