บทความสุขภาพ วัคซีนในเด็กที่พ่อแม่มักจะลืม แต่สำคัญ

February 29 / 2024

 

 

วัคซีนในเด็กที่พ่อแม่มักจะลืม แต่สำคัญ
วัคซีนไวรัสตับอักเสบ เอ, วัคซีนป้องกันโรคสุกใส (โรคอีสุกอีใส)

 

 


 

 

พญ. ตวงพร ตุรงค์สมบูรณ์

กุมารแพทย์โรคติดเชื้อ

 

 

ทำไมเด็กต้องฉีดวัคซีนไวรัสตับอักเสบ เอ ?


เมื่อก่อนไวรัสตับอักเสบ เอ มีการระบาดอย่างต่อเนื่อง ในทุกภาคของประเทศ แต่ในปัจจุบันเนื่องจากสุขภาพอนามัยดีขึ้น ผู้ป่วยด้วยโรคไวรัสตับอักเสบ เอ ลดน้อยลง แต่อย่างไรก็ตามเวลาที่เป็นอาจมีอาการรุนแรงและอาจมีการแพร่กระจ่ายเชื้อสู่ผู้อื่นได้ โดยการรับประทานอาหารหรือน้ำที่ปนด้วยเชื้อโรค การฉีดวัคซีนจึงเป็นวิธีที่ดีที่สุดในการป้องกันอันตรายที่อาจเกิดจากการติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอและยังเป็นการลดการระบาดของโรคอีกด้วย


 

 

เมื่อติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ จะมีอาการอย่างไร ? 


ผู้ที่ติดเชื้อไวรัสตับอักเสบ เอ อาจไม่มีอาการหรืออาการน้อย เช่น อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร ตัวเหลือง ตาเหลือง จนถึงอาการรุนแรง จนทำให้เกิดตับอักเสบแบบเฉียบพลัน ตับวาย และอาจรุนแรงถึงชีวิตได้

 

 

 

เด็กควรฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ เมื่ออายุเท่าไร ? 


เด็กสามารถฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ ได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป

 


ทำไมก่อนฉีดวัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ ต้องเจาะเลือดดูภูมิคุ้มกัน ? 


 

  • ผู้ใหญ่ ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคตับอักเสบ เอ เป็นวัคซีนที่มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง จึงพิจารณาฉีดให้แก่ผู้ที่ยังไม่มีภูมิคุ้มกันโดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่มีความเสี่ยงต่อโรคตับรุนแรง เช่น ผู้ที่เป็นโรคตับ ผู้ที่เป็นโรคตับเรื้อรังอย่างไรก็ตามผู้ใหญ่บางคน (โดยเฉพาะอายุ 20 ปีขึ้นไป) อาจมีภูมิคุ้มกันตามธรรมชาติแล้ว ดังนั้นในผู้ใหญ่จึงแนะนำให้เจาะเลือดดูว่ามีภูมิคุ้มกันต่อโรคตับอักเสบ เอ หรือไม่ ถ้ามีภูมิคุ้มกันแล้วไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนอีก

  • เด็ก สำหรับเด็กทั่วไปอาจป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ โดยเคร่งครัดในเรื่องสุขอนามัยความสะอาดของอาหารและน้ำดื่ม หรือให้วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอในเด็กโดยสามารถฉีดวัคซีนได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป ไม่จำเป็นต้องตรวจเลือด เพื่อหาภูมิคุ้มกันก่อนฉีดในเด็กไทย เพราะส่วนใหญ่ยังไม่มีภูมิคุ้มกัน


 

วัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส 


ทำไมต้องฉีดวัคซีนป้องกันโรคสุกใสในเด็ก ? 
 

อีสุกอีใส (Chicken pox) โดยทั่วไปเป็นโรคที่ไม่รุนแรงในเด็กปกติ แต่อาจทำให้มีผลเสียทางอ้อม เช่น ต้องหยุดโรงเรียน พ่อแม่ผู้ปกครองต้องหยุดงานเพื่อดูแลและอาจทำให้เกิดแผลเป็นที่ไม่สวยงาม

 

 

 

ทำไมเด็กโตหรือผู้ใหญ่ เมื่อเป็นสุกใสถึงมีอาการรุนแรง ? 


อาการของโรคอีสุกอีใสและผลกระทบจะมากขึ้นกรณีเป็นเด็กโต, ผู้ใหญ่ เพราะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนรุนแรงได้มากขึ้น เช่น ปอดอักเสบ, ติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำเติม หรือมีอาการทางสมอง เป็นต้น
 

 

 

ทำไมคนที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใส จึงมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดมากกว่าคนที่ไม่เคยเป็น ? 


หลังจากเป็นโรคอีสุกอีใส เชื้อจะยังคงหลบซ่อนอยู่ในปมประสาท ทำให้มีโอกาสเกิดเป็นโรคงูสวัดได้ เมื่อภูมิต้านทานของร่างกายอ่อนแอลง ประมาณว่า 15% ของคนทั่วไปที่เคยเป็นโรคอีสุกอีใสจะเป็นโรคงูสวัดในที่สุด

 ปัจจุบันมีวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส สามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 1 ปีขึ้นไป แนะนำให้ฉีดเข็มแรกอายุ 12 - 18 เดือน เข็มสองฉีดที่อายุ 2 - 4 ปี เด็กอายุเกิน 13 ปี และ ผู้ใหญ่ฉีด 2 ครั้ง ห่างกันอย่างน้อย 4 สัปดาห์


 

 

คนที่เคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสแล้วจะเป็นอีกหรือไม่ ? 


คนที่ได้รับวัคซีนไปแล้ว เมื่อไปสัมผัสใกล้ชิดกับคนที่ป่วยเป็นโรคอีสุกอีใส เช่น อยู่ในบ้านเดียวกัน อาจติดโรคได้แต่อาการจะน้อยมากเมื่อเปรียบเทียบกับคนที่ไม่เคยได้รับวัคซีนมาก่อน วัคซีนป้องกันการเกิดโรคอีสุกอีใสได้ 70-90% และการป้องกันการเกิดโรคอีสุกอีใสรุนแรงได้ 95% เด็กที่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใสมีโอกาสเป็นโรคงูสวัดประมาณ 2% ซึ่งต่ำกว่าผู้ที่ติดเชื้ออีสุกอีใสตามธรรมชาติ (ประมาณ 15%)
 

 

*** วัคซีนป้องกันไวรัสตับอักเสบ เอ และวัคซีนป้องกันโรคอีสุกอีใส เป็นวัคซีนที่ไม่อยู่ในแผนการฉีดของ กระทรวงสาธารณสุข ***

 

 

แก้ไข้ล่าสุด

25/08/64