นพ. นภสินธุ์ เถกิงเดช
ประสาทศัลยศาสตร์
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
นพ.นภสินธุ์ เถกิงเดช
ประสาทศัลยแพทย์
จากเดิมที่แล้วโรคหลอดเลือดสมองแบ่งเป็นสองประเภทใหญ่ ได้แก่ โรคหลอดเลือดสมองตีบและโรคหลอดเลือดสมองแตกในคราวนี้มารู้จักโรคหลอดเลือดสมองแตก ภาวระไร้สัญญาณเตือนล่วงหน้าที่หนึ่งวินาที มีผลให้หนึ่งชีวิตอยู่รอดต่อไป
โรคหลอดเลือดสมองแตก (Hemorrhagic Stroke) เกิดจากภาวะหลอดเลือดสมองแตกหรือรั่วจากการเปราะของผนังหลอดเลือด เมื่อเกิดขึ้นจะส่งผลให้เลือดไหลออกไปยังเนื้อเยื่อสมองบริเวณดังกล่าวให้เกิดความเสียหาย โดยพบได้ร้อยละ 20 ในรูปแบบอาการเฉียบพลัน เช่น อ่อนแรง ชาครึ่งซีก ปากเบี้ยวพูดไม่ได้ เห็นภาพซ้อน
โรคหลอดเลือดสมองแตกแบ่งได้ 2 ชนิด ได้แก่ บริเวณในเนื้อสมองและในเยื่อหุ้มสมองบริเวณที่มีก้อนเลือดอยู่
แม้ว่าภาวะหลอดเลือดที่ผิดปรกติสองประเภทนั้นพบบ่อย แต่มีรายละเอียดย่อยที่แตกต่างกัน
มีโอกาสเกิดขึ้น 10 - 18 เปอร์เซ็นต์เมื่อเทียบอัตราส่วนผู้ใหญ่ 100,000 คน ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่กำเนิด ก่อนเริ่มแสดงอาการหลอดเลือดสมองแตกหรือตีบในภายหลังได้
แม้ไม่ได้เป็นมาแต่เกิด แต่มักเกิดขึ้นเมื่ออายุเลย 30 ไปแล้ว เกิดกับผู้หญิงมากกว่าผู้ชาย โดยสาเหตุสามารถเกิดจากความดันเลือดที่สูง สูบบุหรี่จัด การติดสารเสพติดหรือภาวะติดเชื้อ
การวินิจฉัยมีจุดประสงค์ 2 ประการ คือเพื่อดูว่าเป็นหลอดเลือดตีบหรือหลอดเลือดแตก และดูตำแหน่งของก้อนเลือด (ในเนื้อสมองหรือใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง) ในกรณีที่เป็นหลอดเลือดแตกใต้ชั้นเยื่อหุ้มสมอง แสดงว่าเกิดจากการมีหลอดเลือดโป่งพองหรือเป็นหลอดเลือดผิดรูป
แพทย์จะใช้การักษาที่ไม่ให้แรงดันในสมองสูงเกินจนทำให้ผู้ป่วยเสียชีวิต
ถ้าเกิดจากหลอดเลือดโป่งพอง แพทย์สามารถรักษาได้ 2 วิธี ได้แก่
อ่านเพิ่มเติม: 'โรคหลอดเลือดสมอง' รวบสาเหตุอัมพฤกษ์-อัมพาต หากรักษาช้าอาจสายไป
แก้ไข
25/9/2567
ประสาทศัลยศาสตร์