เมื่อไหร่ต้องใช้ยาพ่น
ถ้าเด็กหายใจเร็ว มีเสียงวี้ด (wheez) ในทรวงอก ไอมาก ได้รับการวินิจฉัยว่าเป็นหลอดลมตีบ จากหลอดลมอักเสบหรือปวดบวม สามารถใช้ยาพ่นได้เลย ถ้าในสถานที่ที่รักษานั้นมี หรือในบ้านมีก็ ควรใช้ยาพ่นมากกว่ายากิน เพราะออกฤทธิ์เร็วกว่ายากิน วิธีใช้ก็ง่าย ไม่ว่าจะเป็นแบบใช้เครื่องพ่นฝอยละออง หรือแบบมีกระบอกพ่นยา หรือแบบสูดทำให้อาการไอ หรือแน่นหน้าอกของเด็กดีขึ้นอย่างรวดเร็ว ส่วนในกรณีที่ต้องใช้ยาพ่นแบบควบคุม แพทย์จะเป็นผู้ตัดสินใจและวางแผนการรักษาให้ เช่น กรณีที่ไอเรื้อรังต้องใช้ยาขยายหลอดลมบ่อย ๆ มีอาการเหนื่อยหอบ ไอ หลังออกกำลังกาย ชอบไอกลางคืน
ไม่จริง ยาพ่นชนิดกระตุ้นประสาทเบต้า (Betaagonist) สามารถให้โดยคำนวณตามน้ำหนักของผู้ป่วยเด็กซึ่งเมื่อสูดดมแล้วอาการตีบของหลอดลมจะดีขึ้นทันที ส่วนชนิด MDI หรือสูดใน 1puff จะมีขนาดของยาต่ำมากกว่ายากินหลายเท่า เพราะยาออกฤทธิ์โดยตรงที่หลอดลมในขณะที่ยากิน1 ช้อนชา หรือ 1 เม็ดจะมีปริมาณยามากกว่า เพราะยาใช้เวลาเดินทางนานกว่าและดูดซึมช้ากว่า แต่อาจจะ ทำให้มือสั่น ใจสั่น และหัวใจเต้นผิดปกติมากกว่า
Steroid จากยาพ่นมากน้อยเพียงใด ?
Steroid ชนิดพ่นจะอันตรายน้อยกว่า Steroid ชนิดเม็ดหรือยาฉีดเพราะ ปริมาณยาพ่นจะน้อยมากโดยที่หน่วยเป็น microgram ในขณะที่ยากินหน่วยเป็น milligram ยาพ่นจะมีปริมาณน้อยกว่าพันเท่า
ปลอดภัย เนื่องจากปริมาณยาพ่นต่างจากยากินเป็นพันเท่า ยาพ่นนี้จึงปลอดภัยมากถึงแม้จะต้องสูด หรือพ่นเป็นเดือนหรือเป็นปีก็ตาม ใน Steroid ชนิดเม็ดถ้ากินนานเกิน 2 สัปดาห์ จะกดการทำงานของต่อมหมวกไต และมีผลต่อการเจริญเติบโตของกระดูก แต่การใช้ยาชนิดนี้ควรอยู่ในความดูแลของแพทย์
โรคภูมิแพ้ส่วนใหญ่เป็นโรคที่ทำให้ผู้ป่วยรู้สึกรำคาญ อึดอัด ส่วนอันตรายที่อาจเกิดได้ ได้แก่
ชนิดยา เป็นยาที่ขยายหลอดลมใช้ในกรณีที่ผู้ป่วยมีหลอดลมตีบ หอบ เหนื่อย พ่นยาชนิดนี้ เพื่อขยายหลอดลม
ชนิดยา ซึ่งลดการอักเสบของหลอดลม เพื่อลดการเกิดหลอดลมตีบในระยะยาว
ยาพ่นมีปริมาณที่น้อยกว่ายากินเป็นพันเท่า ยาพ่นจึงปลอดภัยมาก ถึงแม้จะสูดหรือพ่น เป็นเดือนหรือเป็นปีก็ตาม