เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactusโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เสียงจากผู้รับบริการ
ผู้ป่วยมะเร็งที่ต่อมไทรอยด์ ศูนย์ผ่าตัดส่องกล้องหู คอ จมูก
“...รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานของ รพ.รามคำแหง…”
“...ตอนหลังผ่าตัดปรากฏว่าใช้เวลาพักฟื้นน้อยมาก แล้วแผลก็สวยมากเสียงก็ดี แคลเซียมก็ไม่ต่ำ รู้สึกเลยว่า...กำลังใจของเราดีขึ้นมากที่ได้เจออาจารย์มาช่วยรักษาได้ทันเวลา ทั้ง ๆ ที่เราคิดอยู่แล้วว่าเราเป็นรุนแรง ซึ่งพี่สาวที่เคยเป็นมาก่อนต้องใช้เวลาพักฟื้นนานประมาณ 4-5 เดือนค่ะและยังต้องผ่าตัดอีก 2 ครั้ง ซึ่งพี่สาวไม่ได้รักษาที่ รพ.รามคำแหงนะคะ ก็แปลกใจที่ตัวของเราเองผ่าตัดเสร็จกลับไปบ้านแล้วก็เดินเหินอะไรได้ปกติดี...ยังถามอาจารย์เลยว่าออกกำลังกายได้ไหม...อาจารย์ก็บอกว่าอย่าพึ่ง แต่ก็ทำงานบ้านได้ กลับไปถึงบ้านก็กวาดถูบ้านอะไรได้เลยหลังจากผ่าตัดค่ะ มีระยะการพักฟื้นแค่เดือนเดียว แผลและร่างกายดีทุกอย่างโดยไม่รู้เลยว่าอาจารย์ใช้เครื่องมือลงไปยังไง คือตอนแรกได้ยินอาจารย์บอกว่าอาจจะต้องให้หมอผ่าตัดทรวงอกเข้าร่วมทำด้วยอีกคนหนึ่ง จะได้ผ่าตัดเปิดหน้าอกแล้วช่วยกันเลาะ ซึ่งตอนนั้นก็คิดว่าถ้าถึงขนาดนั้นเราคงต้องพักฟื้นหลายเดือน แต่อาจารย์เก่งมาก ก็คือสรุปว่าหมอทรวงอกไม่ได้เข้าไปช่วยก็ประสบความสำเร็จ และอาจารย์มั่นใจว่าตัดออกหมดแล้ว และผลตรวจมะเร็งเป็น 0.1 อาจารย์บอกเราว่าหายแล้วนะ แต่เพื่อป้องกันอีกชั้นด้วยการให้ไปกลืนน้ำแร่ 1 ครั้งตามมาตรฐานการรักษาซึ่งไปกลืนมาเรียบร้อยแล้ว แล้วก็มีการนัดทุก 6 เดือนให้ไปสแกนซ้ำว่ามีมะเร็งขึ้นหรือเปล่า แต่ว่าผลการตรวจล่าสุดคือ...ไม่มีแล้วค่ะ...รู้สึกว่าตัวเองโชคดีมากที่ได้เป็นพนักงานของ รพ.รามคำแหง เพราะถ้าเกิดทำงานที่อื่นคงไม่ได้รักษาดีขนาดนี้ และผู้บริหารใส่ใจพนักงานมาก คอยเป็นห่วงเป็นใย ถามอยู่ตลอดเวลาว่าเป็นยังไงบ้าง คอยช่วยเหลือและคอยถามว่าเรามีปัญหาอะไรที่สามารถช่วยได้ ก็รู้สึกประทับใจ รวมทั้งคุณหมอภูริปัณย์ด้วยที่เป็นห่วง แล้วก็ช่วยผ่าตัดให้ ขอบคุณ รพ.รามคำแหงมากค่ะ..”
ผู้ป่วยผ่าตัดปลูกถ่ายไต
“รู้สึกดีมากหลังผ่าตัดแล้วไม่ต้องขับรถหรือลูกต้องพามาฟอกไตอีกแล้ว...ก็เหมือนได้ชีวิตใหม่-เหมือนเป็นคนใหม่เลยครับ”
“...ผมเป็นโรคไต 10 ปีรวมทั้งฟอกไตคือ 11 ปีครึ่ง เป็นทั้งโรคไทรอยด์เป็นพิษ โรคเกาต์ ความดันจึงได้กินยาพวกแก้ปวดเรื่อยมา ไปตรวจร่างกายประจำปีพบว่าค่าไตสูงขึ้น 1.9 จึงมารักษากับคุณหมอถนอมศักดิ์ อัศวดิลกชัย ที่ รพ.รามคำแหง ได้รับยามาทานแต่ต่อมาอาการแย่ลงก็ได้ประคองตัวมาเรื่อย ๆ และไม่ยอมฟอกไตอยู่เป็นปี จนไม่ไหวก็ได้ตัดสินใจฟอกไตอาทิตย์ละ 2 ครั้ง ๆ ละ 4 ชั่วโมงครับ ซึ่งเป็นจุดใหญ่ที่ทำให้ผมตัดสินใจเลือกเปลี่ยนไตซึ่งอาจารย์ถนอมศักดิ์ท่านแนะนำว่าโรงพยาบาลรามคำแหงมีโครงการปลูกถ่ายไตซึ่งได้ลงชื่อไว้กับสภากาชาดไทยด้วย ผมจึงตัดสินใจเข้าร่วมโครงการนี้และรออยู่ไม่ถึงปีก็ได้รับแจ้งจากหมอที่ รพ.ในช่วงคืนวันจันทร์ว่าได้รับไตแล้วและให้ผมมารอผ่าตัดที่ รพ.รามคำแหงวันอังคารและผมได้รับการผ่าตัดปลูกถ่ายไตคืนวันอังคารที่ 24 พ.ค.65 นั้นเลย เพราะได้รับการตรวจเช็คร่างกายล่วงหน้ามาแล้ว จึงได้รับการตรวจวัดความดันโลหิต คลื่นหัวใจอีกนิดหน่อย ก็ได้รับการผ่าตัดสี่ทุ่มครึ่งใช้เวลาประมาณ 5 ชั่วโมงก็เสร็จและได้พักอยู่ในโรงพยาบาลครึ่งเดือน...คุณหมอนัดมาตรวจเป็นระยะ ๆ ครับ...รู้สึกดีมากหลังผ่าตัดแล้วไม่ต้องขับรถหรือลูกต้องพามาฟอกไตอีกแล้ว...ก็เหมือนได้ชีวิตใหม่-เหมือนเป็นคนใหม่เลยครับ...”
ผู้ป่วยโรคหัวใจเต้นผิดจังหวะ
เกิดอาการวูบ 30 ปีก่อนจากหัวใจเต้นผิดปกติ รักษาด้วยการแพทย์แบบทางไกล
“...คือมันเกิดขึ้นอายุประมาณ 30 ได้ ตอนเริ่มต้นก็แค่มีอาการแบบว่าชาที่บริเวณโคนลิ้นกับกรามค่ะ มันจะรู้สึกชา ๆ แล้วใจก็จะแบบหวิว ๆ แล้วก็วูบหมดสติค่ะ ตอนแรกไปหาหมอที่ รพ.รามฯ แต่ตรวจแล้วไม่พบ เพราะตอนไปหาหมอมันไม่มีอาการ คุณหมอก็นึกว่าเป็นลมธรรมดา จนกระทั่งวันหนึ่งได้ซ้อนท้ายมอเตอร์ไซค์ในหมู่บ้านแล้วเกิดวูบตกมอเตอร์ไซค์ พอดีเพื่อนบ้านเห็นก็เลยพาส่งไปที่ รพ.รามคำแหง ได้พบอาจารย์หมอวิชัยค่ะ คุณหมอก็สงสัยว่าอายุยังน้อยทำไมถึงมีอาการแบบนี้ พอตรวจหัวใจแล้วได้ให้ติดเครื่องวัดหัวใจแบบ Holter ผลออกมาว่าเป็นหัวใจเต้นผิดปกติ คุณหมอก็เลยเรียกเข้า รพ.ด่วนเพื่อให้ยาทาน หลังจากนั้นก็ดีขึ้นก็จึงให้ทานยาทุกวัน โดยคุณหมอบอกแต่แรกแล้วว่าสงสัยต้องทานยาไปตลอดชีวิตเพื่อคุมการเต้นของหัวใจ จากนั้นก็ได้มีอาการวูบหมดสติอีกสัก 2-3 ครั้งจึงไปหาคุณหมอและได้รับยาเข้าทางเส้นเลือด แต่ที่เราสงสัยคือมันเกิดจากอะไรจึงถามคุณหมอและฟังว่าเหตุผลหนึ่งอาจจะมาจากเครียด ซึ่งเราก็คิดว่าน่าจะเป็นอันนั้น เพราะช่วงนั้นมีปัญหาเรื่องงานกับอะไรอีกหลายอย่างเข้ามาพร้อม ๆ กัน ก็เลยหันมาใช้ชีวิตใหม่โดยพยายามตัดปัญหาทุกสิ่งออกไป จะได้ไม่หมกมุ่นมากแล้วก็เริ่มออกกำลังกายจนกระทั่งรู้สึกว่าดีขึ้น ไม่มีอาการวูบก็ลองหยุดยาค่ะ...หยุดมาน่าจะเกิน 20 ปีด้วยซ้ำแต่ก็อยู่ได้โดยไม่มีอาการจึงไม่ได้ไปหาคุณหมออีกเลย คือใช้ชีวิตปกติมาตลอด ไม่มีอาการเตือน ไม่มีอะไรทั้งสิ้น อยู่ ๆ เมื่อวันที่ 28 กุมภาพันธ์ตอนกลางวันเดิน ๆ อยู่ในห้องก็ล้มลงไปเฉย ๆ โดยไม่มีอาการเตือนอะไรทั้งสิ้นค่ะ ดีแต่ว่ามันเป็นแค่แว้บเดียว พอลุกขึ้นมาก็นึกถึงอาการที่เราเคยเป็น แต่เมื่อนั่งไปทั้งวันมันก็ไม่มีอาการอะไรเกิดขึ้น มาอีกทีตอนหัวค่ำกำลังเอนหลังดูทีวีอยู่ มันก็มีอาการแบบวูบ ๆ ใจสั่น แล้วยังวูบติด ๆ กันจึงคิดว่าผิดปกติมาก เพราะเมื่อก่อนที่เคยเป็นไม่ถึงขนาดนี้-วูบจนเรารู้สึกเหนื่อย จึงไปเรียกรถฉุกเฉินให้พาไปส่ง รพ.รามคำแหงเพราะทราบว่าคุณหมอวิชัยยังอยู่ที่นั่น แม้จะผ่านไปตั้งหลายปีแล้ว และแม้ว่าประวัติการรักษาไม่อยู่แล้ว แต่คุณหมอจำได้ว่าเคยวูบจนตกรถมอเตอร์ไซค์นะคะ แล้วจากนั้นคุณหมอวิชัยร่วมกับคุณหมอบัญชาก็ช่วยกันดู ช่วยกันรักษาตั้งแต่วันที่เกิดเรื่องเลย โดยได้ติดเครื่องตรวจวัดอัตราการเต้นผิดปกติที่เรียกว่า Holter ให้แต่มันก็ไม่มีอาการอะไรค่ะ...”