เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล (Data Protection Policy)
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
โรงพยาบาลรามคำแหง (“โรงพยาบาล”) ได้จัดทำนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
ที่ท่านให้โรงพยาบาลใน ระหว่างการร้องขอการบริการ การเยี่ยมชมเว็บไซต์
หรือใช้แอพพลิเคชั่นของหรือจากโรงพยาบาล นโยบาย คุ้มครองข้อมูลส่วน
บุคคลนี้รวมถึงข้อมูลต่างๆ ที่เกี่ยวกับตัวคุณโดยเป็นการส่งต่อมาจากบุคคลที่สาม
ข้อมูลส่วนบุคคล หมายถึง “ข้อมูลเกี่ยวกับบุคคลซึ่งทำให้สามารถระบุตัวบุคคลนั้นได้ ไม่ว่าทางตรงหรือ ทางอ้อม แต่ไม่รวมถึงข้อมูลของผู้ถึงแก่กรรมโดยเฉพาะ”
การเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคล
1. โรงพยาบาลเก็บข้อมูลส่วนบุคคลของ ท่าน ที่สามารถระบุตัวตนได้ทั้งทางตรงและทางอ้อม เพื่อประโยชน์ต่อท่านในระยะเวลาที่เหมาะสมจำเป็นต่อการให้บริการ ในกรณีที่ท่านเป็นผู้ให้ข้อมูล กับโรงพยาบาล หรือร้องขอการบริการจากโรงพยาบาลผ่านช่องทางเว็บไซต์ แอพพลิเคชั่นหรือ ช่องทางอื่นใดของโรงพยาบาล อาทิเช่น การนัดหมายแพทย์ การทำธุรกรรมแบบออนไลน์ การสมัครรับจดหมายข่าว การขอรับความช่วยเหลือพิเศษ รวมไปถึงการทำธุรกรรมแบบออฟไลน์ เช่น การลงทะเบียนผู้ป่วยที่เคาน์เตอร์ลงทะเบียนของโรงพยาบาล หรือจากความสมัครใจ ของท่านใน การทำแบบสอบถาม (Survey) หรือการโต้ตอบทางจดหมายอิเล็กทรอนิกส์ (E-mail) หรือการกรอก ให้ข้อมูลประกอบการสมัครงาน หรือช่องทางการสื่อสารอื่นๆ ระหว่างโรงพยาบาล และท่าน
2. โรงพยาบาลอาจได้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจากบุคคลที่สาม เช่นธุรกิจในเครือข่าย ตัวแทน จำหน่าย หรือผู้ให้บริการของโรงพยาบาล หน่วยงานภาครัฐ
ข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวมจากท่านจะขึ้นอยู่กับสถานการณ์ของการเก็บรวบรวม และประเภทของการบริการที่ท่านร้องขอจากโรงพยาบาล ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูกนำมาใช้เพื่อให้การทำธุรกรรมออนไลน์หรือออฟไลน์ หรือบริการที่ได้รับการร้องขอเสร็จสมบูรณ์ ซึ่งข้อมูลส่วนบุคคลที่โรงพยาบาล เก็บรวบรวมโดยตรงจากท่าน หรือจากบุคคลที่สาม มีดังนี้
1) ข้อมูลระบุตัวตน เช่น ชื่อ ภาพถ่าย เพศ วัน เดือน ปีเกิด หนังสือเดินทาง หมายเลขบัตรประชาชน หรือหมายเลขที่สามารถระบุตัวตนอื่นๆ
2) ข้อมูลสำหรับการติดต่อ เช่น ที่อยู่ หมายเลขโทรศัพท์ และอีเมลล์
3) ข้อมูลการชำระเงิน เช่น ข้อมูลการเรียกเก็บเงิน ข้อมูลบัตรเครดิตหรือเดบิต และ รายละเอียดบัญชี ธนาคาร
4) ข้อมูลการเข้ารับบริการ เช่น ข้อมูลการนัดหมายแพทย์ ข้อมูลส่วนบุคคลของญาติ ความต้องการ เกี่ยวกับห้องพัก อาหาร และบริการเสริมอื่นๆ
5) ข้อมูลการเข้าร่วมกิจกรรมทางการตลาด เช่น ข้อมูลการลงทะเบียนเพื่อร่วมกิจกรรมกับเรา
6) ข้อมูลสถิติ เช่น จำนวนผู้ป่วย และการเข้าชมเว็บไซต์
7) ข้อมูลจากการเข้าใช้เว็บไซต์ของโรงพยาบาล
8) ข้อมูลด้านสุขภาพ รายงานที่เกี่ยวกับสุขภาพกาย และสุขภาพจิต การดูแลสุขภาพของท่าน ผลการทดสอบจากห้องทดลอง ห้องปฏิบัติการ และการวินิจฉัย
9) ข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับการใช้ยาและการแพ้ยาของท่าน
10) ข้อมูล Feedback และผลการรักษาที่ท่านให้ไว้
เราจะไม่เก็บและใช้ข้อมูลที่มีความละเอียดอ่อนของคุณ เช่น เชื้อชาติ ความเชื่อทางศาสนา ประวัติอาชญากร เว้นแต่เป็นไปตามที่ข้อบังคับและกฎหมายกำหนด หรือโดยความยินยอมของท่าน
การใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน ตามวัตถุประสงค์ดังต่อไปนี้
1) จัดหาบริการ หรือส่งมอบบริการของโรงพยาบาล
2) นัดหมายแพทย์ ส่งข่าวสาร แนะนำบริการของโรงพยาบาล
3) การประสานงานและส่งต่อข้อมูลซึ่งจะช่วยให้การส่งต่อผู้ป่วยมีความรวดเร็วขึ้น
4) การยืนยันตัวตนของผู้ป่วย
5) ส่งข้อความแจ้งเตือนการนัดหมายแพทย์ หรือการเสนอความช่วยเหลือจากโรงพยาบาล
6) อำนวยความสะดวกและนำเสนอรายการสิทธิประโยชน์ต่างๆ แก่ท่าน
7) จุดประสงค์ด้านการตลาด การส่งเสริมการขาย และการลูกค้าสัมพันธ์ เช่น การส่งข้อมูลเกี่ยวกับ โปรโมชั่น ผลิตภัณฑ์และบริการ รายการส่งเสริมการขาย และธุรกิจพันธมิตร
8) เพื่อเป็นช่องทางในการสื่อสาร ตอบค าถาม หรือตอบสนองข้อร้องเรียน
9) สำรวจความพึงพอใจของลูกค้า วิจัยตลาด วิเคราะห์ทางสถิติประมวลผลและแสดงผลเพื่อเป็น ข้อมูลในการปรับปรุงผลิตภัณฑ์และบริการ หรือสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ และบริการใหม่ๆ ให้แก่ผู้ใช้บริการได้รับประโยชน์ยิ่งขึ้น
10) วัตถุประสงค์ทางบัญชีหรือทางการเงิน เช่นการตรวจสอบการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต การเรียกเก็บเงินและการตรวจสอบความถูกต้อง การขอคืนเงิน
11) รักษาความปลอดภัย รวมถึงความปลอดภัยขณะพักรักษาอยู่ในโรงพยาบาล
12) เพื่อวัตถุประสงค์ในการสมัครงาน การเป็นพนักงาน หรือวัตถุประสงค์อื่นใดที่เกี่ยวข้อง
13) ปฏิบัติตามกฎของโรงพยาบาล
14) ปฏิบัติตามกฎหมาย ข้อกำหนด ระเบียบ ข้อบังคับ หรือการร้องขอใดๆจากหน่วยงานภาครัฐ เช่น การปฏิบัติตามหมายเรียกพยาน หรือคำสั่งศาล หรือการร้องขออื่นๆ ที่ถูกต้องตามกฎหมาย
15) วัตถุประสงค์อื่นๆ ที่สนับสนุนการดำเนินการตามวัตถุประสงค์ข้างต้น หรือที่ได้รับความยินยอมจาก ท่านเป็นครั้งคราว
การเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลอาจเปิดเผยหรือถ่ายโอนข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไปยังบุคคลที่สาม ซึ่งอาจตั้งอยู่ภายในหรือ นอกราชอาณาจักร โดยโรงพยาบาลจะดำเนินตามมาตรการที่จำเป็นและเหมาะสม หรือเป็นไปตามข้อบังคับและ กฎหมาย เพื่อวัตถุประสงค์ที่ตามระบุไว้ข้างต้น ให้แก่
1) พันธมิตรทางธุรกิจ เช่น บริษัทประกัน พันธมิตรที่เข้าร่วมรายการโปรแกรมสะสมคะแนน และสิทธิ ประโยชน์และศูนย์การแพทย์ และหรือบริษัทอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องในการให้บริการ
2) ธนาคาร และผู้ให้บริการชำระเงิน เช่น บริษัทบัตรเครดิต หรือเดบิต
3) เจ้าหน้าที่รักษาความมั่นคงและความปลอดภัย
4) หน่วยงานตรวจคนเข้าเมือง และหน่วยงานศุลกากร
5) หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้
การเชื่อมโยงไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม เว็บไซต์และแอพพลิเคชั่นบนมือถือของโรงพยาบาล อาจมีลิงก์เชื่อมไปยังเว็บไซต์บุคคลที่สาม หากท่านไปตาม ลิงก์เหล่านี้ นโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ไม่มีผลกับเว็บไซต์ของบุคคลที่สาม โปรดทราบว่าโรงพยาบาลไม่ สามารถรับผิดชอบใดๆ ต่อการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านโดยบุคคลที่สามดังกล่าว เนื่องจากอยู่นอกการ ควบคุมของโรงพยาบาล
การเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล และความปลอดภัย
1. ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านจะถูก เก็บรักษาไว้นานเท่าที่จำเป็น เพื่อวัตถุประสงค์ต่างๆ ตามที่อธิบาย ไว้ในนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้ หรือภายใต้ข้อบังคับของกฎหมาย หรือเพื่อการดำเนินการทาง กฎหมาย
2. โรงพยาบาลจะใช้มาตรการรักษาความมั่นคงปลอดภัย และการบริหารจัดการที่เหมาะสมเพื่อ ป้องกันและรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่โรงพยาบาลเก็บรวบรวม
สิทธิของเจ้าของข้อมูลส่วนบุคคล
1. สิทธิในการเพิกถอนความยินยอม (right to withdraw consent) : ท่านมีสิทธิในการเพิกถอนความ ยินยอมในการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านได้ให้ความยินยอมกับโรงพยาบาลได้ ตลอดระยะเวลาที่ ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอยู่กับโรงพยาบาล
2. สิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (right of access) : ท่านมีสิทธิในการเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคลของท่านและ ขอให้โรงพยาบาลทำสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวให้แก่ท่าน รวมถึงขอให้โรงพยาบาลเปิดเผยการได้มาซึ่ง ข้อมูลส่วนบุคคลที่ท่านไม่ได้ให้ความยินยอมต่อโรงพยาบาลได้
3. สิทธิในการแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลให้ถูกต้อง (right to rectification) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาล แก้ไขข้อมูลที่ไม่ถูกต้อง หรือเพิ่มเติมข้อมูลที่ไม่สมบูรณ์
4. สิทธิในการลบข้อมูลส่วนบุคคล (right to erasure) : ท่านมีสิทธิในการขอให้โรงพยาบาลท าการลบข้อมูล ของท่านด้วยเหตุบางประการได้
5. สิทธิในการระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล (right to restriction of processing) : ท่านมีสิทธิในการระงับการ ใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
6. สิทธิในการให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคล (right to data portability) : ท่านมีสิทธิในการโอนย้ายข้อมูลส่วน บุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับโรงพยาบาลไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่น หรือตัวท่านเองด้วยเหตุบางประการได้
7. สิทธิในการคัดค้านการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (right to object) : ท่านมีสิทธิในการคัดค้านการ ประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคลของท่านด้วยเหตุบางประการได้
ท่านสามารถร้องขอการเข้าถึงหรือขอให้อัพเดตและแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน รวมถึงสิทธิอื่นใดข้างต้น หรือสิทธิตามกฎหมายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลที่ใช้บังคับ เช่น ขอสำเนาข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือขอให้ระงับการใช้หรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน กรณีเห็นว่าข้อมูลส่วนบุคคลของท่านถูกนำไปใช้เกิน ขอบเขตวัตถุประสงค์การใช้งานที่แจ้งให้ทราบข้างต้น หรือไม่ได้รับความยินยอมจากท่าน
การเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล
โรงพยาบาลจะทำการพิจารณาทบทวนนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลเป็นประจำเพื่อให้สอดคล้องกับแนวปฏิบัติ กฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง ทั้งนี้ หากมีการเปลี่ยนแปลงนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโรงพยาบาลจะแจ้ง ให้ท่านทราบด้วยการ อัพเดตข้อมูลลงในเว็บไซต์ของโรงพยาบาล https://www.ram-hosp.co.th/contactusโดยเร็วที่สุด ทั้งนี้หากท่านมีคำถาม ข้อเสนอแนะ และข้อร้องเรียนเกี่ยวกับนโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลโปรดติดต่อได้ที่อีเมลล์ support@ram-hosp.co.th
นโยบายคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลมีผลใช้บังคับตั้งแต่วันที่ 01 มิถุนายน 2565
(นพ.พิชญ สมบูรณสิน)
กรรมการบริหาร
บริษัท โรงพยาบาลรามคําแหง จํากัด (มหาชน)
เสียงจากผู้รับบริการ
ผู้ป่วยโรคลิ้นหัวใจตีบกับหัวใจเต้นผิดจังหวะ
“ผู้ป่วยวัย 97 ปี รักษาด้วยการเปลี่ยนลิ้นหัวใจเอออร์ติก โดยไม่ต้องผ่าตัดผ่านทางสายสวน (TAVI)”
“…ในช่วง “โควิด-19” เริ่มระบาดรุนแรงขึ้น “คุณยายกิมกี” จึงบอกลูกหลานว่าของดไปหาหมอไว้ก่อน แต่หลังจากห่างหมอไปราว 7-8 เดือนก็เกิดอาการเป็นลมถึง 3-4 ครั้งในหนึ่งสัปดาห์ ลูก-หลานที่คอยดูแลจึงพาคุณยายไปโรงพยาบาลใกล้บ้านเพราะเห็นว่าเป็นกรณีฉุกเฉินไม่ควรรอช้า แต่ด้วยความไว้วางใจโรงพยาบาลรามคำแหงจึงติดต่อขอมารักษากับคุณหมอวิชัย ศรีมนัส ที่ “รพ.รามคำแหง” เมื่อมาถึงก็ได้รับการตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอนจนไปถึง “การฉีดสีสวนหัวใจ” อย่างเร่งด่วน จึงพบสาเหตุและได้รับการรักษาต่อเนื่องโดยทราบว่าปัญหาอยู่ที่ “โรคลิ้นหัวใจตีบ” กับ “หัวใจเต้นผิดจังหวะ” ซึ่งบุตรสาวคือ “คุณพอศรี อินดี” ได้ให้ข้อมูลว่าตอนแรกก็มาด้วยเหนื่อย...คอเลสเตอรอลสูงเล็กน้อย คุณแม่มีเบาหวานแล้วก็มีหัวใจด้วย ตอนที่มาหาอาจารย์ก็ได้ยารักษามาเรื่อย ๆ 3-4 เดือนก็จะมา Follow Up ครั้งหนึ่งค่ะ แต่ช่วงนั้นได้ขาดหายไป 7 เดือน...จริง ๆ แล้วอยู่ที่บ้านก็พยายามให้เดิน แล้วก็ทำกายภาพฯ ยกแขน-ยกขา แต่ก็เหนื่อยมากขึ้นเรื่อย ๆ แต่เราเห็นว่าชีพจรไม่ได้เร็วหรือช้ามากคืออยู่ในเกณฑ์...วัดน้ำตาล วัดความดันแล้วก็อยู่ในเกณฑ์ปกติ จึงไม่ได้คิดว่าจะมีเรื่องหลอดเลือดหัวใจอุดตัน แต่เรื่องลิ้นหัวใจตีบคุณหมอวิชัย ขอตรวจมานานแล้วเพียงแต่เราไม่กล้าให้ตรวจสวนหัวใจ จนกระทั่งมาเกิดเป็นลมจึงบังคับให้ต้องเลือกแล้ว...พามาส่งเย็นวันนั้นก็สวนหัวใจเลยค่ะ..”
ผู้ป่วยโรคเบาหวานและโรคหัวใจ เข้ารับการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและปอด
“ที่มาก็เพื่อให้รู้ว่ามันดีกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องเช็คว่าเวลาเหนื่อยแล้วหัวใจจะปกติหรือไม่...ความดันเป็นเท่าใด คือมีมอนิเตอร์เช็คผลตั้งแต่เราเริ่มเดิน เขาจะเช็คทุกขั้นตอน”
ผู้สูงวัยที่มีโรคเบาหวานและมีประวัติการรักษากับโรงพยาบาลอยู่แล้ว โดยมีโรคแทรกซ้อนถึงกับต้องเข้ารับการสวนขยายหลอดเลือดหัวใจ และเข้ารับการบำบัดฟื้นฟูที่ “ศูนย์ฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจและปอด” ที่ “รพ.รามคำแหง” ซึ่งได้ให้เหตุผลในการมาเข้ารับการฟื้นฟูว่า “...ผมมาที่นี่เพราะมีประวัติอยู่ อีกอย่างคือคุณหมอเก่งๆ ทั้งนั้น มีการทำเป็นแพ็คเกจเฉพาะโรคของผู้สูงอายุซึ่งต้องคอยมารับการตรวจติดตามอยู่เรื่อยๆ ...ส่วนที่มาฟื้นฟูสมรรถภาพก็เพื่อให้รู้ว่ามันดีกี่เปอร์เซ็นต์ ต้องเช็คว่าเวลาเหนื่อยแล้วหัวใจจะปกติหรือไม่...ความดันเป็นเท่าใดเขาจะเช็คทุกขั้นตอนเลย คือก็มีมอนิเตอร์เช็คผลตั้งแต่เราเริ่มเดิน เช่นเรื่องน้ำตาลเป็นยังไงก่อนออกกำลังกายแล้ว มันมีผลให้น้ำตาลยุบไปกี่เปอร์เซ็นต์และถ้าเหนื่อยมากจะลดลงมาเท่าไหร่...ในกรณีเรื่องหัวใจนั้นอย่างแรกคือต้องการความพร้อมทั้งแพทย์ที่มีความรู้และเครื่องมือ จึงแนะนำด้วยความเป็นห่วงว่าถ้าพร้อมที่จะดูแลร่างกายละก็ไปเข้าโรงพยาบาลที่มีระบบดีกว่า...”
โดยในกรณีของคุณเถลิง ผศ.ดร.สิทธา พงษ์พิบูลย์...ผู้ชำนาญการด้านการฟื้นฟูสมรรถภาพหัวใจ ปอด และการออกกำลังกาย ได้ให้เหตุผลสำคัญอย่างแรกคือ เพื่อปรับเปลี่ยนปัจจัยเสี่ยงต่อการที่โรคหลอดเลือดจะเกิดการตีบซ้ำจากปัจจัยเสี่ยงเช่น เบาหวาน ความดัน ไขมันในเลือดสูง และจากการมีพฤติกรรมเนือยนิ่ง รวมทั้งอ้วน ซึ่งคุณเถลิงเองก็เป็นเบาหวานโดยยังคุมน้ำตาลได้ไม่ค่อยดี จึงอาจมีโอกาสกลับมาเกิดการตีบใหม่ได้มากกว่าคนที่ไม่มีปัจจัยเสี่ยงเหล่านี้ เพราะฉะนั้นก็เลยเข้ามาทำการฟื้นฟูฯ ตามโปรแกรมออกกำลังกาย ซึ่งช่วยให้น้ำตาลลดลง จึงเป็นอีกหนึ่งแนวทางในการที่จะช่วยให้คุมน้ำตาลในเลือดในกรณีที่เป็นเบาหวานได้ดีขึ้น อีกอย่างหนึ่งคือ ช่วยให้หัวใจทำงานได้ดีขึ้น แข็งแรงขึ้น มีประสิทธิภาพดีขึ้น ซึ่งถ้าทำต่อเนื่องไปในระยะยาวจะช่วยให้ปัจจัยเสี่ยงในการเกิดการตีบซ้ำลดลงครับ
มีข้อแนะนำดังนี้ “...โดยทั่วไป ข้อแรกคือถ้าเป็นคนไข้เบาหวานที่มีระดับน้ำตาลสูง และมีเครื่องเจาะน้ำตาลก็จะให้หมั่นเจาะน้ำตาลตรวจบ่อยหน่อยหนึ่ง เพื่อให้ทราบว่าน้ำตาลมันสวิงมากน้อยแค่ไหนในช่วงเช้า - กลางวัน - บ่าย - เย็น จะได้ติดตามดูแลเรื่องการรับประทานอาหารได้ถูก ข้อที่ 2 คือ เมื่อติดตามตรวจวัดจนทราบระดับน้ำตาลแน่ชัดแล้วจะได้รู้แน่ว่าเขาควรจะออกกำลังกายมากน้อยแค่ไหน ถ้าสมมุติมันสูงในช่วงเช้าแต่จะต่ำในช่วงเย็น โดยชอบไปเดินออกกำลังตอนเย็นเขาก็จะได้รู้ว่า เขาควรจะเดินมากแค่ไหนอย่างไร ส่วนคำแนะนำอื่นๆ เช่น ปัจจัยเสี่ยงต่อการที่จะกลับมาตีบใหม่นั้น ควรต้องควบคุมอย่างไร ควรจะรับประทานอาหารอย่างไร ซึ่งถ้าต้องการให้ละเอียดมากเราก็จะจัดให้พบนักกำหนดอาหาร แต่โดยคร่าวๆ แล้วไม่ได้หมายความว่าจะทานไม่ได้เลย...ยังคงทานได้ทุกอย่างแต่ให้จำกัดปริมาณ เพราะบางคนจะเข้าใจว่าไม่กินหวาน ห้ามกินหวาน อย่างนั้นก็ไม่ใช่ เพราะว่าบางทีกินข้าวก็ทำให้น้ำตาลขึ้นอย่างนี้เป็นต้น..สำหรับคุณเถลิงนั้นดูดีขึ้น ดูเขามั่นใจขึ้นจากที่ช่วงแรกๆ จะกังวลว่าน้ำตาลสูงไปไหม แต่หลังจากเราเจาะน้ำตาลให้เขาเห็นว่าพอออกกำลังกายแล้วมันลดลงเขาก็เริ่มมั่นใจขึ้น ออกกำลังได้มากขึ้นโดยไม่มีอาการที่ผิดปกติครับ...”
ผู้ป่วยเนื้องอกต่อมใต้สมอง
“หลังจากผ่าประมาณ 3 เดือน ประจำเดือนก็เริ่มมา โดยรวมแล้วมันก็ดีขึ้น”
ตอนแรกไปหาหมอสูติก่อนว่าปวดท้อง แล้วก็ประจำเดือนไม่มาตรวจภายในก็ปกติ เขาก็เลยส่งไปตรวจเลือด
เขาบอกมันมีค่าตัวหนึ่งเป็นค่าฮอร์โมนต่อมใต้สมองผิดปกติ เขาก็เลยส่งไปที่แผนกต่อมไร้ท่อ
จนให้ทำ MRI ก็ไปเจอก้อนเนื้ออยู่ที่ต่อมใต้สมอง
แล้วเขาก็ส่งไปผ่าตัด แต่ปรากฏว่ายังผ่าไม่ได้เพราะไปเจอว่าเป็นเชื้อราตรงโพรงไซนัสอีก ต้องผ่าตัดไซนัสก่อน
แล้วก็มีญาติแนะนำมาว่าถ้าเกิดผ่าตัดสมองผ่า รพ.รามคำแหงดีไหม มีหมอรักษาดี แล้วราคาก็แบบไม่ได้สูงมาก ก็เลยหาข้อมูลเกี่ยวกับ รพ.รามคำแหง
การผ่าตัดเนื้องอกต่อมใต้สมอง ก็เลยตัดสินใจเอาฟิล์มเอกซเรย์ไปหาหมอนภสินธุ์ ซึ่ง นพ.นภสินธุ์ กับ นพ.ภูริปัณย์ ผ่าตัดร่วมกัน