ผกานาฎ เอี่ยมตระกูล
จักษุ
เว็บไซต์นี้ใช้คุกกี้🍪
เราใช้ Cookies เพื่อให้ท่านได้รับประสบการณ์ออนไลน์ที่ดีที่สุด สรุปนโยบายความเป็นส่วนตัวและ Cookies อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่
โรคตา.. ปัญหาที่พบบ่อยในผู้สูงอายุ ที่ต้องเตรียมรับมือ
เมื่ออายุมากขึ้นอวัยวะต่างๆ ในร่างกายก็ย่อมเสื่อมสภาพไปตามวัย และอีกหนึ่งปัญหาที่เรามักพบบ่อยเมื่ออายุมากขึ้นคือ 'โรคตา' โดยผู้สูงอายุกว่าร้อยละ 70 มีสายตาไม่ดี การมองเห็นไม่ชัดเจน เกิดภาวะสายตาเลือนรางหรืออาจตาบอดถ้าไม่ได้รับการรักษาตั้งแต่แรก ดังนั้นผู้ใกล้ชิดหรือลูกหลานควรมั่นสังเกตปู่ย่า ตายาย หรือผู้สูงอายุในบ้านว่ามีความผิดปกติของสายตาเกิดขึ้นหรือไม่ จะได้รีบพาท่านไปพบจักษุแพทย์ตรวจรักษาก่อนที่จะสูญการมองเห็นถาวรนั่นเอง
โรคตาแห้ง (Dry Eyes) มักพบบ่อยทั้งในวัยทำงานและผู้สูงอายุ ซึ่งมักแสดงอาการไม่สบายตา ระคายเคือง เหมือนมีสิ่งแปลกปลอมในตา แสบตา อาจน้ำตาไหลมากและเกิดการอักเสบที่เยื่อบุตา หากปล่อยไว้ไม่ได้รักษาอาจมองเห็นมัวลง ซึ่งจะรักษาตาแห้งได้ขึ้นอยู่กับสาเหตุ มักต้องใช้น้ำตาเทียมร่วมกับ ปรับพฤติกรรมการใช้งานสายตา หรือทำความสะอาดเปลือกตากรณีมีเปลือกตาผิดปกติ
ต้อกระจก (Cataract) เกิดจากความขุ่นมัวของเลนส์แก้วตาธรรมชาติ โดยมีสาเหตุส่วนใหญ่จากการเปลี่ยนแปลงตามอายุที่มากขึ้น ทำให้แสงผ่านเข้าไปที่จอตาประสาทด้านในลูกตาได้น้อยลง ผู้ป่วยจะมีอาการตามัวและเป็นมากขึ้นเรื่อย ๆ หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษาอาจตาบอดได้ วิธีการรักษาคือการผ่าตัดเอาเลนส์ตาที่ขุ่นออก และใส่เลนส์แก้วตาเทียมแทนที่
ต้อหิน (Glaucoma) เกิดจากความดันในลูกตาที่สูงขึ้นจนทำลายประสาทตา ซึ่งปัจจัยเสี่ยงโรคตาชนิดนี้คืออายุที่เพิ่มมากขึ้น มีคนในครอบครัวที่เป็นต้อหิน หรือมีโรคประจำตัวที่ต้องใช้ยาสเตียรอยด์ต่อเนื่อง โรคนี้มักไม่มีอาการ เมื่อมีอาการจะเริ่มสูญเสียลานสายตา คือการมองเห็นจำกัดวงแคบลงเรื่อย ๆ และสูญเสียการมองเห็นอย่างถาวร
อาจมีต้อหินบางประเภท เช่น ต้อหินมุมปิดเฉียบพลันที่มีอาการปวดมาก ตามัวลงและตาแดง ถือเป็นภาวะเร่งด่วนมากต้องมาพบจักษุแพทย์ทันที สิ่งสำคัญที่สุดคือผู้ป่วยต้องมาตรวจติดตามอาการและปฏิบัติตามคำแนะนำของจักษุแพทย์อย่างเคร่งครัด
โรคจุดภาพชัดจอตาเสื่อม (Macular Degeneration) เกิดจากภาวะเสื่อมของจุดภาพชัดที่อยู่ส่วนกลางของจอตา ทำให้การมองเห็นส่วนกลางของภาพมัวลง ทั้งที่รอบข้างยังเห็นได้ปกติ ในระยะเริ่มต้นอาจไม่มีอาการ เมื่อจอตาเสื่อมมากขึ้นจะมีอาการตามัว เห็นภาพบิดเบี้ยว เห็นจุดดำตรงกลางภาพและสูญเสียการมองเห็นตรงกลางภาพโดยไม่มีอาการปวด มักพบในผู้ที่มีอายุมากกว่า 50 ปี ปัจจัยเสี่ยงอื่นที่ทำให้เกิด เช่น แสงรังสี UV สูบบุหรี่ และโรคความดันโลหิตสูง
เบาหวานขึ้นจอตา (Diabetic Retinopathy) เกิดการอุดตันของเส้นเลือดฝอยอันเนื่องจากโรคเบาหวาน ส่งผลให้ขาดเลือดและออกซิเจนที่ไปเลี้ยงจอตา ทำให้เกิดการสร้างเส้นเลือดใหม่อย่างผิดปกติที่จอประสาทตา ซึ่งความผิดปกติที่เกิดขึ้นนั้นไม่สามารถแก้ไขให้กลับมาเป็นปกติได้ การรักษาจึงได้เพียงแค่ไม่ให้โรคลุกลามไปจากระยะที่เป็นอยู่ การป้องกันที่ดีที่สุดคือการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ รวมทั้งดูแลโรคประจำตัวอื่นๆ เช่น ความดันโลหิตสูง โรคไต ไขมันในเลือดสูงอย่างเหมาะสม และตรวจจอประสาทตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง
ภาวะสายตายาวในผู้สูงอายุ ทำให้การมองเห็นไม่ชัดเจน ผู้ป่วยจะอ่านหรือเขียนหนังสือ ทำงานเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ในระยะใกล้ไม่ชัดเจน แต่มองไกลได้ปกติ บางคนมีอาการตาพร่า หรือปวดตา มักเริ่มมีอาการเมื่ออายุ 40 ปีขึ้นไป เนื่องจากความสามารถและระยะในการเพ่งปรับสายตาลดลง เลนส์แก้วตาแข็งตัวขึ้นและการทำงานของกล้ามเนื้อตาลดลง สามารถแก้ไขได้ด้วยการใช้แว่นสายตา แต่ควรมาตรวจกับจักษุแพทย์ให้แน่ใจว่า ไม่มีความผิดปกติของโรคตาอื่นร่วมด้วย
นอกจากนี้การดูแลสุขภาพของตัวเอง ด้วยการสวมแว่นกันแดดเป็นประจำ ทานอาหารที่มีประโยชน์ต่อสายตาพวกวิตามินเอและโปรตีน เช่น ผักและผลไม้ 5 สี ไม่สูบบุหรี่ ไม่ดื่มแอลกอฮอล์ ก็สามารถช่วยชะลอป้องกันความเสื่อมของดวงตาได้อีกทางนะครับ
ผู้สูงอายุควรได้รับการตรวจตาโดยจักษุแพทย์อย่างน้อยปีละ 1 ครั้ง การตรวจคัดกรองดวงตาไม่เพียงช่วยให้เราค้นพบความผิดปกติของดวงตาในระยะเริ่มแรก แต่ยังช่วยให้ค้นพบโรคเกี่ยวกับดวงตาในขณะที่ยังไม่แสดงอาการ ทำให้สามารถรักษาได้ทัน ชะลอความเสื่อม และป้องกันการสูญเสียดวงตาได้
แก้ไข
13/09/2566